Sep 23, 2009

คุ๊กกี้กับชายแปลกหน้า

ณ สนามบินที่พลุกพล่านที่สุดแห่งหนึ่งในช่วงวันหยุดยาว

ผู้หญิงคนหนึ่งเตรียมตัวเดินทางกลับบ้านที่เธอจากมาแสนนาน
เธอซื้อหนังสือพิมพ์และคุ๊กกี้ระหว่างรอขึ้นเครื่องที่ดีเลย์กว่าครึ่งชั่วโมง
หลังจากหาที่นั่งอยู่นาน เธอก็พบที่นั่งว่างข้างชายแก่ที่ดูป่ำเป๋อๆ คนหนึ่ง
ด้วยความดีใจ เธอรีบตรงไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์และกินคุ๊กกี้ทันที

หลังจากนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ได้พักใหญ่ เธอเริ่มรู้สึกได้ถึงสิ่งประหลาด
คือคุ๊กกี้ที่เธอกินนั้น เหมือนว่าจะร่อยหรอลงอย่างรวดเร็วเกินกว่าปรกติ
เธอเหลือบตาจากหนังสือพิมพ์ดู พบชายแก่หยิบคุ๊กกี้กินอย่างเอร็ดอร่อย

ด้วยความไม่พอใจ แต่ไม่กล้าพูดอะไรเนื่องจากไม่อยากมีเรื่องกับคนแก่
เธอจึงหยิบคุ๊กกี้กินเร็วขึ้น หวังว่าชายแก่จะไม่มีโอกาสได้แย่งเธอกิน

แต่ยิ่งเธอหยิบคุ๊กกี้กินเร็วขึ้นเท่าไหร่ ชายแก่ก็ยิ่งกินคุ๊กกี้ตามไวขึ้นเท่านั้น
จนคุ๊กกี้เหลือชิ้นสุดท้าย เธอและชายแก่ต่างดูท่าทีกัน ยังไม่รุกต่อแต่อย่างใด
เธอมองชายแก่ตาเขียวปั๊ด ส่วนชายแก่มองเธอด้วยรอยยิ้ม

เวลาผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ ชายแก่ก็ยื่นมือลงไปหยิบคุ๊กกี้ขึ้นมา
เขาหักมันออกครึ่งนึง และยื่นคุ๊กกี้ครึ่งชิ้นให้เธอด้วยรอยยิ้ม
ส่วนอีกครึ่งชิ้นนั้น พอเขากินเสร็จ เขาก็จากไป

เธอโมโหกับเหตุการณ์นี้มาก ที่ต้องเจอกับคนไร้มารยาทในวันที่น่าหงุดหงิด
พอได้เวลาขึ้นเครื่อง เธอจึงตรงไปยังทางขึ้นทันทีและเปิดกระเป๋าหยิบตั๋วโดยสาร
แต่สิ่งที่เธอพบในกระเป๋านั้น นอกจากของใช้ส่วนตัวและตั๋วเครื่องบินที่เธอหาแล้ว
ยังมี "คุ๊กกี้ห่อที่เธอซื้อ" อยู่ในนั้นด้วย

...

ปรกติเป็นคนเล่านิทานไม่เก่งเลย ถึงแม้ว่าจะอ่านนิทานมาเยอะก็ตาม
ทั่งยังไม่ชอบพูดว่า "นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า..." ด้วย เพราะโตๆ กันแล้วนะ
จะเลือกมองด้านไหน มองยังไง ก็สุดแล้วถึงความคิดของแต่ละคนนะครับ

ที่วันนี้มาเล่านิทาน (ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า) เรื่องนี้ให้ฟัง
สงสัยเพราะอ่านนิทานบีเดิลของเจเคมาแล้วสนุกดีแหละครับ

เรื่องที่เล่ามานี้ ได้ฟังเมื่อครั้งเป็นนักเรียน ตอนเช้ามีการเทศน์ในโบสถ์
เป็นเรื่องของพระเจ้าบ้าง เรื่องทั่วไปบ้าง ก็ฟังมาตลอด (แม้จะจำได้นิดเดียว)
เรื่องนี้โดนใจเป็นพิเศษ เลยเก็บมาเล่าอีกครั้ง เพื่อให้จำขึ้นใจ และได้คิดไตร่ตรองครับ
ขอบคุณอาจารย์ (ขออภัยที่จำชื่อไม่ได้) มากๆ เลยครับ ที่ทำให้ผมมีโอกาสฟังเรื่องนี้