May 29, 2007

アニメの日本語 ตอนที่ 2 ท้ายชื่อ

ตอนที่แล้วจบแค่ออกบ้าน (ยังไม่ได้เข้าบ้านเลย) ใครที่รอตอนเข้าบ้านในตอนนี้ ก็ผิดหวังหน่อยนะ
ที่ลัดคิวมาเป็นเรื่องการใช้คำลงท้ายชื่อก่อนซะ เพราะ "คุณเพื่อนขอร้อง" ครับ อิอิ
ถึงยังไงก็หลงเข้ามาแล้ว มาดูเรื่องนี้กันเลยดีกว่าครับ~

ปรกติถ้าใครติดตามอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นแปลไทย ก็ต้องเคยเห็นคำว่าจังห้อยท้ายชื่อตัวละครหญิงแน่ๆ
นอกจากคำว่าจังแล้ว คำอื่นๆ ก็จะถูกแปลออกหมด แต่บางครั้งก็หลุดรอดคำว่า คุง,ซัง มาบ้าง
แล้วตกลงว่ามันมีคำต่อท้ายชื่อกี่คำหละ แต่ละคำหมายความว่าไงบ้าง ติดตามได้ในตอนนี้เลยครับ

ちゃん ( chan )
-จัง ใช้เรียกผู้หญิงที่สนิทกัน และมีอายุอ่อนกว่าหรือพอๆ กัน และใช้ลงชื่อเด็กผู้หญิงได้
นอกจากนี้ก็ยังอาจจะใช้ต่อหลังชื่อสัตว์เลี้ยงได้ด้วย

君 (「くん」kun )
-คุง ใช้เรียกผู้ชายที่สนิทกัน และมีอายุอ่อนกว่าหรือพอๆ กัน และก็ใช้ลงท้ายชื่อเด็กผู้ชายได้ด้วย

สองคำข้างบนนี้ ถือว่าค่อนข้างสุภาพ คือถ้าพบกันครั้งแรกแล้วเรียกชื่อต่อท้ายด้วยคำพวกนี้ก็ได้
แต่บางคนก็ไม่ชอบ เพราะแสดงความสนิดสนมมากเกินไป คนส่วนใหญ่เลยเลือกใช้ -ซัง มากกว่า

ในผู้ใหญ่บางคน การเรียกเด็กอาจไม่ยึดตามเพศของเด็กก็ได้ แต่จะยึดตามเพศของตนเอง
เช่น แม่เรียกลูกผู้ชายแล้วลงท้ายด้วย -จัง ครูผู้ชายเรียกนักเรียนหญิงลงท้ายด้วย -คุง
ซึ่งตรงนี้ก็คล้ายๆ คนไทยที่ลงท้าย ครับ/คะ โดยไม่คำนึงถึงเพศของตน แต่คำนึงเพศของเด็ก
เช่น ป้าเล่นกับหลานชายแล้วลงท้ายด้วย -ครับ เป็นต้น

さん ( san )
-ซัง คำนี้ใช้ได้ค่อนข้างกว้าง (และนิยมใช้) เพราะนอกจากจะต่อท้ายชื่อคนเพื่อแสดงความเคารพแล้ว
ยังเอาไปต่อท้ายคำนามเพื่อบอกว่าคนๆ นั้นทำอาชีพอะไรได้อีก เช่น ฮงยะซัง (คนขายหนังสือ)
แต่ว่าจะไม่เรียกตัวเองแล้วลงท้ายด้วย -ซัง โดยเด็ดขาด (ถ้าผ่ากฎนี้ก็คือยกย่องตัวเอง+หาเรื่อง)

様 (「さま」sama )
-ซามะ สุภาพมากกว่า -ซัง มักใช้ในทางธุรกิจเสียส่วนใหญ่ (ใช้เรียกลูกค้า) ไม่ค่อยใช้เรียกตามปรกติ

คำลงท้ายชื่อที่สำคัญๆ ก็มีเท่านี้หละครับ บางครั้งอาจจะเจอคำแปลกๆ ก็ขอให้ลองพูดให้เสียงเพี้ยนดู
เพราะบางคำนั้นมาจากแถบเกียวโตครับ ซึ่งจะใช้เหมือนกัน ต่างกันที่วิธีออกเสียงนิดหน่อยครับ

หวังว่าคงหนำใจนะครับ ^^ แล้วเจอกันใหม่คราวหน้าครับ

May 27, 2007

3rd โชว์รูม - ภาพสะอาด ...

ครั้งนี้ก็ครั้งที่ 3 แล้วนะครับ ^^
หวังว่าคงยังไม่เบื่อกันนะครับ...
(ถึงจะเบื่ออย่างไร จขบ.ก็จะลงต่อไป อิอิ)



The Smile of Buddha
ไม่มีคำบรรยายครับ ภาพนี้...



Love Me Love My Dog
เพลงดังเมื่อสมัยก่อน... จำไม่ได้ครับว่ายุคอะไร
ส่วนรูปที่เอามาลงนี้ จำลองมาจากจากพวงกุญแจ
เป็นพวงกุญแจที่รักมากที่สุดในชีวิตเลยครับ



Kariginu
ชุดของขุนนางญี่ปุ่นสมัยก่อน
วาดจากความจำ จึงขาดรายละเอียดไปเยอะมาก
รู้จักชุดนี้ครั้งแรกจากเรื่องฮิคารุเซียนโกะ
ก็ชุดของซาอิไงครับ... คิดถึงเหลือเกิน



Blue Wine
มันไม่มีจริงหรอกครับ...
ที่จะมีก็แค่ไวน์แดง กับไวน์ขาวเท่านั้น
เพียงแต่ปากกามีด้ามเดียว เลยลงสีเดียวครับ



Knight
"ม้า" หมากรุก ฉบับลายกนกร่วมสมัย...
แต่ดูไปดูมา กลับเหมือน "นก" ซะมากกว่า

คราวนี้มาเขียนต่อช้ากว่ากำหนดไว้ 1 วัน
ขอโทษผู้อ่านทุกๆ คนด้วยครับ...

ปิดกล่อง~ แล้วเจอกันคราวหน้าครับ ^^

May 25, 2007

2nd โชว์รูม - ภาพหยาบ ชีวิตหยาบ

กล่องรูปคราวนี้... แอบวาดรูปในห้องครับ
วาดแบบหยาบๆ หรือที่เรียกว่า Rough Draft
ลองดูกันได้เลยนะครับ ^^



New World
จั่วหัวว่าโลกใหม่ ก็ไม่ได้มีความหมายว่าเราย้ายโลกนะครับ
แต่จากวิชาสังคม ก็ทำให้ผมวาดรูปนี้ขึ้นมาได้
เพราะว่าการพบทวีปอเมริกา ก็เหมือนการพบโลกใหม่ไงครับ
ภาพนี้วาดตามแผนที่บนกระดานที่ครูเอามาแปะไว้
เพราะว่านั่งหลังห้อง เลยทำให้เก็บรายละเอียดไม่ได้เลยครับ



Mona Lisa
โมนาลิซ่า ก็เกิดจากตอนที่ครูสังคมสอนยุคเรเนซองส์ครับ
เลยลองวาดเอาจากความจำ... ยากมากๆเลยครับ



Vitruvian Man
เป็นชุดต่อเนื่องจากภาพโมนาลิซ่านั่นแหละครับ
และก็วาดจากความทรงจำอีกแล้ว...
ทำให้ทั้งสองภาพนี้ผิดพลาดหลายๆ จุดเลยหละครับ



Gordon Freeman
คอเกมไม่มีใครไม่รู้จักครับ พระเอก Haft-Life ไง
วาดจากความทรงจำเช่นกันครับ
แต่ไม่ได้วาดในคาบสังคมเหมือน 3 รูปแรกนะ...



Chameleon
จะทำอย่างไรถ้าคุณเบื่อ... แล้วดันนั่งข้างหน้าต่าง
แน่นอนครับ ใจเรามันจะลอยออกนอกหน้าต่างไป อิอิ
รูปกิ้งก่านี้ก็เกิดมาจากจุดนี้เอง...



Cloister
เป็นภาพที่วาดเมื่อปีที่แล้ว สถานที่คือระเบียงทางเดิน
ไม่ใช่ว่าไม่รู้ Perspective นะครับ... แต่ว่าภาพมันใหญ่
แล้วก็วาดบนตักด้วย หนำซ้ำยังต้องจินตนาการว่าไม่มีคนอีก
เลยไดภาพที่เบี้ยวๆ เช่นนี้แล... (ลืมลงเงาอีกด้วย)

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ก็ภาพหยาบๆ และชีวิตหยาบๆ
ปิดกรุก่อนครับ เพราะพรุ่งนี้จะอัพชุดต่อเนื่อง...
(อ่าว บอกไปก็หายเซอร์ไพรส์อะดิ...)

ปิดกล่องแล้วนะครับ ^^ เจอกันพรุ่งนี้ครับ~

May 20, 2007

วงดนตรีมันส์แต่ฟังไม่ออก

เมื่อวานนี้ 19/05/07 ไปฟังคอนเสิร์ตของวงดุริยางค์มา
ชื่อคอนเสิร์ตคราวนี้คือ "A Potpourri of Musical Delight"
เป็นคอนเสิร์ตที่จัดทุกปีของวงดุริยางค์โรงเรียนปรินส์ฯ
ซึ่งสถานที่ที่ใช้ก็เหมือนเดิมทุกปี คือที่มหาวิทยาลัลัยพายัพ
แต่เราก็ไม่เคยไปเลยซักปี... จนถึงปีนี้แหละนะ

งานเริ่มทุ่มตรง แต่กว่าเราจะไปถึงงานก็สายเหมือนกัน
เพราะว่านั่งรถเหลืองแล้วไปไม่ถึง... บวกกับขี้เกียจเดิน
เลยโทรหาแม่ให้มาพาไป แล้วก็รอที่ตลาดสามแยก
พอแม่มารับ ก็เกือบๆ ทุ่มแล้ว พอไปถึงมหาวิทยาลัยก็ทุ่มพอดี
มิหนำซ้ำ ยังไปวนวนมากว่าจะเจออีก แต่ยังดีที่ทันทุกเพลง
แล้วก็กว่าจะจบ ก็ปาไปสามทุ่มกว่าๆ...
คอนเสิร์ตนี้นานจริงๆ เนาะ ^^"

เพลงที่ใช้ทั้งหมด มีเพลงที่รู้จักอยู่เพลงเดียว (คงเดาออก)
ที่เหลือ... ฟังแทบไม่รู้เรื่องเลย T_T (แต่ก็สนุกทุกเพลง)
ก็อย่างว่าแหละ เพลงพวกนี้มันต้องเคยฟังมาก่อน
อย่างน้อยๆ ก็ 2 รอบ แล้วค่อมาฟังสดๆ
ไม่งั้นมันจะไม่รู้สึกถึงอารมณ์สนุกเลย...

เอาหละๆ มาดูลิสต์เพลงดีกว่า
ครึ่งแรก
Light Cavalry Overture - Franz von Suppé
Bacchanale (Samson and Delilah) - Camille Saint-Saëns
Clair de Lune (Suite Bergamasque) - Claude Debussy
Les Preludes Symphonic Poem - Franz Liszt

ครึ่งหลัง
Eaglecrest (An Overture Op.49) - James Barnes
The Garden of Proserpine - Alfred Reed
The Magic of Andrew Lloyd Weber - Arr. Warren Barker
Testament - Robert Jager

แล้วก็มีเพลงแถมให้อีก 2 เพลง
คือ 30 ยังแจ๋ว พี่ในวงเรียบเรียงใหม่ ทำเซอร์ไพรส์ครู
และ Mario Theme เรียบเรียงให้ Percussion ที่มันส์สุดๆ

ไม่ขอลงรายละเอียดเยอะนะครับ
เพราะจขบ.ก็จำไม่ค่อยได้ซะด้วย ^^"

แล้วก็อีกอย่างที่ว่า คือฟังไม่รู้เรื่องมากเท่าไหร
แล้วก็ไม่ได้ถ่ายวีดีโอเก็บไว้ด้วย T_T เสียดายมากๆ

แต่ที่จำได้คือ Clair de Lune พอเอามาทำแบบวง
มันแปลกๆ ไปแฮะ รู้สึกว่าภาคเปียโนจะเพราะกว่า
อีกอย่างคือ เพลง The Garden of Proserpine
ได้พี่คนสวย (จากที่ไหนไม่รู้) มาเล่นฮารฟด้วย
สู๊ดยอด >.< ถือว่าเป็นบุญหูเลยนะนั่น ^^

หมดดีกว่า อิอิ ขี้เกียจเขียนละ...
(อย่าว่ากันเลยนะ ว่าขี้เกียจ แฮะๆๆ)

May 15, 2007

Diary เริ่มวิกิ 3 บทความ


วันนี้เริ่มบทความใหม่ 3 บทความบนวิกิ
แล้วก็แก้ชื่อนักเรียนหญิงในเรื่องเนกิมะ! ซะเหนื่อยเลย -*-
แต่ก็สนุกดีนะ อิอิ

พอเขียนวิกิแล้วรู้สึกว่าความรู้รอบตัวเยอะขึ้น
แต่ความรู้เรื่องเรียนดันลดลง -*-
ก็เลยกะว่าจะเขียนเรื่องเรียนลงวิกิด้วย
(เท่าทีอยู่ในกรอบของวิกิ)

May 12, 2007

アニメの日本語 ตอนที่ 1 ออกบ้าน

บทความนี้เขียนขึ้นมาเพื่อเป็นบันทึกความจำของเจ้าของบล๊อกนะครับ แต่ก็จะพยายามเขียนให้ทุกๆ คนเข้าใจได้ด้วย
เพราะฉะนั้นถ้าตรงไหนอ่านไม่รู้เรื่องก็บอกมาได้เลยนะครับ จะได้ปรับปรุงให้

อีกอย่างคือ เจ้าของบทความไม่เคยไปเที่ยวญี่ปุ่นหรือเรียนกับคนญี่ปุ่นเลยซักนิดเดียว อาศัยดูอนิเม/มังงะ
และอ่านตามบอร์ดมาตลอด ทำให้บทความชุดนี้มันต้องมีที่ผิดแน่นอน! แต่ว่ามันจะอยู่ตรงไหนหละ? ^^"
อันนี้ก็คงต้องขอวานให้ผู้รู้ช่วยตรวจด้วยนะครับ ส่วนคนที่จะจำไปใช้จริงก็ควรหาข้อมูลเพิ่มเติมจากที่อื่นจะดีมากเลยครับ

แต่ก่อนอื่น ต้องชำแหละประโยคด้านบนก่อน...
日本語 (「にほんご」Nihongo ) แปลว่าภาษาญี่ปุ่น
アニメ (「あにめ」Anime ) อนิเม หรือ Animation นั่นเอง
の ( no ) เป็นคำเชื่อม ใช้เชื่อมประธาน 2 ตัวคือ ประธาน2 "ของ" ประธาน1
ดังนั้น アニメの日本語 จึงแปลว่า ภาษาญี่ปุ่นของอนิเม นั่นเองครับ
(ความจริงอยากได้ประโยคสวยกว่านี้ แต่ความรู้ไม่พอที่จะสรรสร้างอะ)
อึ่ม... ตอนแรกว่าจะใช้เลขญี่ปุ่นด้วย แต่เดี๋ยวคนอื่นอ่านไม่ไหวแน่
เลยใช้เป็นเลขอาราบิกไปนะครับ ^^"

ฝอยมาซะยืดยาวละ เดี๋ยวเบื่อซะก่อน เพราะฉะนั้นเริ่มกันเลยดีกว่า...

行ってらっしゃい (「いってらっしゃい」Itterasshai )
เป็นคำพูดตอบรับจากคนที่อยู่ในบ้าน พูดกับคนที่จะออกจากบ้าน
มีความหมายประมาณว่า ไปดีมาดีนะ ขอให้เดินทางปลอดภัย
行 เป็นคันจิ เมื่ออ่านว่า い จะมีความหมายว่า ไป

อะ... งงมั้ยหละ ปรกติเว็บสอนญี่ปุ่นที่อื่นบทแรกๆ จะเป็นการให้จำตัวฮิรางานะ
หรือเป็นบทที่เกี่ยวกับการทักทาย... แต่ไหงที่นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับออกบ้านไปได้
ไม่ต้องงงไปหรอก เพราะที่นี่มันไม่ใช่บทเรียนไง ^^
แต่ว่าเป็นการบันทึกความจำของเรา และนี่ก็เป็นภาษาญี่ปุ่นคำแรกสุดที่เราจำได้
มาจากอนิเมเรื่องโชบิท ( ちょびっツ, Chobits ) ที่ฮิเดกิสอนจี้จังให้เริ่มพูดคำอื่นๆ
ไอ่เราก็บ้าตามนั้น หัดพูดจนติดปากเลย แต่สุดท้ายก็จำได้คำเดียว - -"

行って来ます (「いってきます」Ittekimasu )
ใช้พูดเวลาก่อนออกจากบ้าน เป็นการบอกคนในบ้านว่าจะไปแล้วนะ (แล้วจะกลับมา)
来 เป็นคันจิ เมื่ออ่านว่า き จะมีความหมายว่า มา

ในเมื่อมันมี 行ってらっしゃい แล้วจะขาด 行って来ます ได้ไงหละ ^^ ชิมิ
คำนี้ก็แน่นอนครับ ได้ยินครั้งแรกจาไอ่เจ้าฮิเดกินั่นแหละ แต่ไม่ได้จำหรอกครับ
อ่านซับตลอด แล้วที่รู้ 行ってらっしゃい ก่อนเพราะเจ้าฮิเดกิสอนจี้จังนานม๊าก
ส่วนคำนี้จริงๆ เริ่มมาฟังจากเรื่องอาเรีย ( アリア, ARIA ) ครับ

จบดีกว่าครับ... ง่วงนอนแล้ว
เขียนน้อยๆ แต่เขียนนานๆ สนุกกว่าเยอะ อิอิ

(แอบมาแก้ไข แล้วใช้สไตล์วิกิพีเดียซะงั้น อิอิ)

May 11, 2007

พายุ ตื่นเช้า อารมณ์ดี

วันนี้ตื่นเช้ามากๆ
ตื่นกี่โมงไม่รู้ แต่รู้ตัวตอนดูนาฬิกา...

"5:01"

นับเป็นสถิติตื่นเร็ว 5 อันดับแรกในชีวิตเลย อิอิ
ส่วนที่ว่าตื่นกี่โมงนั้น ไม่รู้จริงๆ
ถ้าเป็นคนทั่วไป ก็คือตื่นเวลานี้แหละ ไม่งั้นก็ลบทิ้งไม่กี่นาที

วันนี้ตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียง (และโดนสาด) ด้วยน้ำฝน
(สงสัยปีนี้ไม่ได้เล่นสงกรานต์มั้ง ฟ้าเลยอยากเล่นน้ำด้วย)
คนปรกติก็คงจะตื่นมาแค่ปิดหน้าต่างแล้วไปนอนต่อ
หรือไม่งั้นก็หลับไม่รู้รื่องต่อไป... 555+
แต่วันนี้เป็นไรไม่รู้ ตื่นมาเห็นว่า เอ่อ... พายุมันสวยดีนะ
นั่งมองความงามของพายุไปนานเหมือนกัน
นั่งมองมันทั้งๆ ที่โดนฝนสาดอยู่!

อะไรทำให้เรากลายเป็นคนอย่างนี้ไปได้นะ...

ไม่ใช่แค่ฝนนะ ยังมีทั้งฟ้าร้อง ฟ้าแล๊บ ฟ้าผ่าอีก
เสียงฟ้าร้องนี่ก็ใช่ย่อย ถ้ามีสาวขวัญอ่อนอยู่ข้างๆ
มีหวัง... กระโดดเกาะไม่ปล่อยแน่ๆ ^^"
ส่วนฟ้าแล๊บ ฟ้าผ่านั้นก็สว่างพอๆ กับกลางวันเลยทีเดียว
อะไรทำให้เราเห็นว่าพายุครั้งนี้สวยงามไปได้นะ

บางครั้ง มองเห็นความงามในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น
แต่บางครั้ง กลับมองไม่เห็นความงามในสิ่งที่คนอื่นมองเห็น

ดูมันไปซักระยะ เริ่มทนไม่ไหวกับความเปียกที่ฟ้ามอบให้
ยอมจำนนปิดหน้าต่าง รับความรู้สึกจากฝั่งที่มีกระจกกั้น

มันช่างต่างกันมากมายจริงๆ
รู้แล้วว่า การได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
กับการได้แค่ดูธรรมชาตินั้น มันเหมือนอยู่กันคนละโลก

หลังจากดูจากฝั่งนี้นานพอควร ก็คว้านาฬิกามาดู (ตีห้า)
จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราไม่รู้เวลาตื่นที่แน่ชัด - -"

บางที เราอาจจะนั่งชมมันเป็นชั่วโมงแล้วก็ได้
หรืออาจจะชมมันไปได้แค่นาทีเดียวก็ได้
ใครจะรู้หละ... ช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านไปไวเสมอ

ไม่น่าเชื่อเลยว่า ธรรมชาติงดงามถึงเพียงนี้
งดงามจนเราดูเฉยๆ อย่างเดียวไม่ได้
ต้องลงไปหิ้วโน้ตบุ๊กขึ้นมาเขียนไดอารีนี้
ความทรงจำดีๆ เราก็ควรจะเก็บมันไว้ มิใช่หรือ?

ก่อนจะทันเขียนไดอารีนี้จบ พายุก็สงบลงแล้ว (ตีห้าสี่สิบ)
พอพายุสงบ ก็มีเสียงนกร้องด้วยหละ... เพราะมากๆ เลย

เขียนเสร็จ ย้อนกลับไปตรวจทาน และเพิ่มเติมรายละเอียด
เสร็จสมบูรณ์ตอน 6:02 ฟ้ากำลังสว่าง พระอาทิตย์กำลังขึ้น
เสียงนกร้องจางหายไป... เสียงไก่ขันดังขึ้นมาแทนที่

สุดท้ายนี้สิ่งที่คิดไม่ตกคือ การที่เราเขียนเรื่องอย่างนี้ได้
เพราะว่าเราดูโลกมามากพอแล้ว
หรือว่ายังไม่เคยดูโลกจนมากพอกันแน่?

May 9, 2007

แห่งฟากฟ้า#003 ทัวร์อวกาศครับ

กล่องรูปคราวนี้มาแนวอวกาศเหมือนเดิม
แต่ของดเล่าเรื่องเทพและข้อมูลไว้ก่อนนะครับ
เล่าเยอะก็ต้องหาข้อมูลเยอะด้วย เหนื่อย แฮะๆ

เอาเป็นว่า วันนี้มาขึ้นยานอวกาศ ทำตัวสบายๆ
คาดเข็มขัดให้เรียบร้อย แล้วไปเที่ยวกันเถอะครับ
กับตันเนยสดพร้อมพาลุยทุกสถานการณ์!

เอาละ... แนะนำยานอวกาศกันก่อน
ยานลำนี้ชื่อว่า Starry Night Pro รุ่นที่ 5
ผลิดโดยบริศัท Imaginova เมื่อปี 2004
ถึงแม้จะเก่าไปซักนิด แต่ก็บินไปที่สวยๆ ได้เยอะ
(ที่จริงคือ ไม่มีเงินซื้อยานลำใหม่ต่งหาก แฮะๆ)

เตรียมตัวพร้อมแล้วก็... Take off!
แผนการบินคราวนี้ จะทำการบินไปที่ไกลๆ ก่อน
แล้วค่อยบินวกกลับมาที่ใกล้นะครับ



เอาหละครับ หลังจากบินมาได้ซักพักก็ถึงแล้ว
ที่แรกของเราคือ ดาราจักรแอนโดรเมดา



ต่อมาเป็นกลุ่มเมฆแมกเจกแลนใหญ่



มีใหญ่แล้วก็มีเล็ก เมฆแมกเจกแลนด์เล็กครับ



แล้วก็ดาราจักรทางช้างเผือกที่เราอาศัยอยู่ครับ



ดูของใหญ่ๆ กันไปแล้ว ก็มาดูของเล็กๆ บ้าง

และนี่ก็คือ ระบบสุริยะที่เราอาศัยอยู่ครับ
ดาวที่เห็นจากตรงนี้ มีพฤหัส เสาร์ ยูเรนัส เนปจูน
ส่วนพลูโต... เค้าเลิกนับให้เป็นดาวเคราะห์แล้วนะ



เมื่อกี้เป็นชั้นนอก คราวนี้เข้ามาดูชั้นในกันบ้าง
ที่ชั้นนี้จะมีดาวพุธ ศุการ์ โลก และอังคารครับ
(เรียงตามลำดับจากใกล้ดวงอาทิตย์)
ดาวพฤหัสกับดาวเสาร์นี้ ถ่ายติดมาเล่นๆ ^^"



ที่เห็นเขียวๆ นั้นคือ วงโคจรของดาวเคราะห์น้อย
ซึ่งมีมากมายมหาศาลเลยหละครับ
กลัวว่ามันจะชนโลกกันบ้างมั้ยครับ? - -"



ส่วนคราวนี้มาเป็นสีฟ้าๆ จะเป็นดาวหางครับ
(เยอะกว่าเมื่อกี้อีก เฮือก...)



แล้วเราก็มาโฟกัสที่พี่ใหย่แห่งระบบสุริยะครับ
มีดาวบริวาร 4 ดวงหลัก ถูกค้นพบโดยกาลิเลโอ
คราวหน้าจะมาเล่าเรื่องให้ฟังนะครับ



แล้วก็มาที่โลกกับดวงจันทร์ครับ



เส้นสีน้ำเงินคือวงโคจรของดาวเทียมไงหละครับ
เยอะจนน่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย

เอาหละครับ หมดแล้วครับ เย่...
(ใช้เวลาทำน้อยที่สุดเลย อิอิ)

ยานอวกาศก็กลับมาจอดที่โลกโดยสวัสดิภาพ
กรุณาตรวจสอบสิ่งของก่อนลงเครื่องด้วยครับ
แล้วคราวหน้าจะพาไปบินใหม่นะครับ ^^

May 5, 2007

แห่งฟากฟ้า#002 ราศีกับสาวสวย

กล่องภาพคราวนี้ เปิดกล่องกับราศีดีกว่า
ซึ่งก็เป็นราศีทางตะวันตก (อีกแล้ว)
ไว้ให้เจ้าของบล๊อกสนใจราศีไทยก่อนนะ แล้วจะมาเล่าให้ฟัง

ภาพทั้งหมดในคราวนี้ เอามาจากเว็บ บีบีซีประเทศอังกฤษ
ไม่ว่าท่านจะเต็มใจให้หรือไม่ให้ก็ตาม เราสูบมาแล้ว 555+

เท่าทีลองไปสำรวจดูกับเว็บ bbc ภาพชุดนี้จะไม่เหลือแล้ว
น่าเสียดายนิดๆ เนาะ T_T
แต่ในเว็บเค้าก็เปลี่ยนภาพเป็นแบบอื่นแทน ดูแล้วขรึมกว่าเดิม

แล้วจะเริ่มจากราศีไหนดีหละเนี่ย...




อึ่ม... เริ่มที่กลุ่มดาวแมงป่องดีกว่า
ที่เลือกเพราะเป็นกลุ่มดาวประจำเดือนเกิดของผมเอง อิอิ
(ใครจะเอาไปทำสเน่ห์หรือสาปแช่งก็จำไว้ดีๆ หละ)
ดาวที่สว่างที่สุดในกลุ่มนี้คือ แอนทาเรส (ดาวปาริชาติ)
อันว่าชื่อนั้นสำคัญไฉน ที่ดาวแอนทาเรสได้ชื่อนี้มาเพราะมีสีแดง
ถ้าถอดชื่อดาวเป็นภาษาละตินจะได้คำว่า แอนติ กับ อาเรส
ถึงตอนนี้มีใครจำได้ป่างเอ่ย... ว่าอาเรสคืออะไร ^^
แอนติ แปลว่า ปรปักษ์ ส่วนอาเรสเป็นชื่อของดาวอังคาร
รวมกันก็หมายความว่า เป็นคู่แข่งกับดาวอังคาร
เพราะว่ามีสีแดงเหมือนๆ กัน บวกกับสว่างพอๆ กันนั่นเอง
ส่วนตำนานนั้นมีอยู่ว่า แมงป่องตัวนี้คือตัวที่เทพอะโพลอน
ส่งไปฆ่านายพรานโอไรออน แต่เมื่อทั้งสองทำอะไรกันไม่ได้
โอไรออนก็หนีลงทะเลไป แมงป่องก็ไม่สามารถตามได้
แต่โอไรออนก็ถูกเทวีอาธีมิสเข้าใจผิดยิงธนูสังหารไป
เทพอะโพลอนจึงบันดาลให้แมงป่องไปเป็นกลุ่มดาวบนฟ้า
โดยทั้งกลุ่มดาวแมงป่องและโอไรออนต่างอยู่คนละขอบฟ้า
ทั้งคู่จึงไม่มีทางได้พบเจอและสู้กันอีก



ลำดับถัดมาเป็นกลุ่มดาวคนยิงธนู
ถึงแม้ในชื่อจะมีคำว่าคน แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นเซนทอร์
ชาวเซนทอร์นั้นมีครึ่งตัวบนเป็นคน ส่วนครึ่งล่างเป็นม้า
เซนทอร์ที่ปรากฎบนท้องฟ้านั้น เป็นเซนทอร์ชื่อไซรอน
ไซรอนเป็นผู้ที่ฉลาดมาก และยังใช้ธนูเก่งอีกด้วย
และเป็นครูฝึกเทพหลายองค์ เช่น เฮรากลิส (เฮอร์คิวลิส)
ต่อมาไซรอนถูกธนูอาคมยิง และไม่สามารถรักษาตัวเองได้
ไซรอนจึงได้ละทิ้งความเป็นอมตะและกลายเป็นกลุ่มดาวไป



กลุ่มดาวมกร
เมื่อครั้งซุสยังเป็นทารกนั้น ได้แม่นมนามว่าอะมัลเทียเลี้ยงดู
ซึ่งนางอะมัลเทียนี้มีลักษณะเป็นแพะ อาศัยอยู่ที่เกาะครีต
ครั้งหนึ่งนางได้หนีงูยักษ์ลงน้ำ แต่นางไม่สามารถว่ายน้ำได้ดี
เทพซุสจึงบัลดาลให้นางมีครึ่งล่างเป็นปลา จึงเกิดเป็นมกรขึ้น
เมื่อนางตายลง เทพซุสก็ได้ให้นางไปเป็นหมู่ดาวบนฟ้าในที่สุด



กลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ
ว่ากันว่าคนที่มาตักน้ำนั้นคือแกนนีมีด เจ้าชายแห่งทรอย
เนื่องจากความหล่อของเขา จึงถูกเทพซุสสั่งอินทรีมาลักพาตัว
แล้วก็เสวยความสุขกันอยู่บนสวรรค์ (เกย์ชิบ...)
แล้วแกนนีมีดก็ยังได้รับหน้าที่เป็นผู้สร้างแม่น้ำไนล์ด้วย
เทพซุสเห็นความดีความชอบจึงให้ไปอยู่เป็นกลุ่มดาวบนฟ้า



กลุ่มดาวปลา
เมื่อครั้งอีรอสยังเป็นเด็ก นางอะโฟรไดตีก็เลี้ยงดูเป็นอย่างดี
แต่ก็ไม่วายมียักษ์ไทฟอนมารังควาน ทั้งคู่จึงได้หนีลงน้ำ
โดยได้แปลงร่างเป็นปลา และนำเชือกมามัดไว้ที่หางทั้งสอง
เพื่อที่จะได้ไม่พลัดพรากจากกัน จากเหตุการณ์นี้
ทั้งคู่จึงถูกจำลองเหตุการณ์เป็นกลุ่มดาวบนฟากฟ้าไป



กลุ่มดาวแกะ
สำหรับนักดาราศาสตร์แล้ว กลุ่มดาวนี้มีความสำคัญพอสมควร
เพราะว่าเป็นกลุ่มที่กำหนดจุดพิกัดท้องฟ้าไว้อ้างอิง
จุดนั้นเรียกว่า จุดเวอร์นอลอิควินอกส์
พริกซัสและเฮลล์เป็นโอรสแห่งเทลซาลี ทั้งคู่ถูกแม่เลี้ยงแกล้ง
เทพซุสเกิดความเห็นใจ จึงส่งแกะไปช่วยพาทั้งคู่หนีออกมา
ทั้งคู่ซาบซึ้งในบุญคุณมาก จึงนำแกะตัวนี้ไปบูชายัญ!?!
หลังบูชายัญเสร็จ เทพซุสให้แกะตัวนี้ไปเป็นกลุ่มดาวบนฟ้า



กลุ่มดาววัว
เทพซุส (จอมเจ้าชู้) เกิดหลงรักยูโรปา แต่แม่ของนางคงไม่ยอม
จึงแปลงร่างเป็นวัวขาวไปปะปนในฝูงวัวที่ครอบครัวนางเลี้ยง
เมื่อยูโรงปาเห็นวัวขาว ก็เขาไปเล่นด้วย พอชินกันยูโรปาก็ขี่หลัง
เทพซุสในร่างวัวเห็นโอกาสเหมาะ จึงวิ่งพาตัวนางไปที่เกาะครีต
เนื่องจากน้ำลึก เทพซุสในร่างวัวจึงปรากฎขึ้นแค่ครึ่งตัวบน
เมื่อไปถึงเทพซุสก็คืนร่างเดิม และให้นางเป็นมเหสีแห่งเกาะครีต
แล้วก็ให้เหตุการณ์นี้ปรากฎบนฟ้า เป็นรูปวัวครึ่งตัวไป



กลุ่มดาวคนคู่
คาสเตอร์และพอลลักซ์เป็นฝาแฝดกัน โดยมีแม่คือนางลีดา
คาสเตอร์นั้น เป็นบุตรของท้าวทินดารูส กษัตริย์แห่งสปาร์ตา
ส่วนพอลลักซ์เป็นบุตรของมหาเทพซุส (ที่แอบมาปล่อยไข่ไว้)
เมื่อทั้งคู่เกิด เทพเฮอร์มิสก็พาไปฝากเผ่าเซนทอร์เลี้ยงดู
คาสเตอร์นั้นชำนานด้านการคุมม้า พอลลักซ์ชำนานเพลงมวย
ทั้งคู่ผจญภัยไปหลายๆ ที่ จนครั้งหนึ่งพบสาวสวยสองนาง
จึงได้ลักพาตัวไป แต่ก็มีคนตามมาชิงนางทั้งสองคืนเช่นกัน
เมื่อต่อสู้กันนั้น คาสเตอร์ถูกฆ่าตาย ส่วนพอลลักซ์เป็นอมตะ
เนื่องจากเป็นลูกของมหาเทพซุส พอลลักซ์เสียใจที่เสียพี่ไป
จึงวอนขอให้เทพซุสริดรอนความเป็นอมตะของตน
เทพซุสเห็นว่าทั้งคู่รักกันมาก จึงให้ไปเป็นดาวบนฟ้าในที่สุด



กลุ่มดาวปู
ปูตัวนี้เป็นลูกน้องลับๆ ของเทวีฮีรา มเหสีของเทพซุส
ถูกส่งมาเพื่อขัดขวางเฮรากลิส ในภาระกิจปราบงูยักษ์ไฮดรา
แต่ก็พลาดท่าโดนฆ่าตาย เทวีฮีราจึงได้ให้เป็นหมู่ดาวบนฟ้า



กลุ่มดาวสิงห์
ครั้งหนึ่งชาวกรีกลืมการบวงสรวงเทวีเซลินี เทวีแห่งดวงจันทร์
เทวีเซลินีโกรธมากจนส่งสีงโตจากฟากฟ้าลงมารังควานชาวกรีก
เฮรากลิสจึงได้รับคำสังให้ปราบสิงโตตัวนี้ (ภาระกิจปราบสิงโต)
เมื่อฆ่าได้แล้ว เทวีเซลินีจึงให้สิงโตกลับไปอยู่บนฟ้าเช่นเดิม
บนฟากฟ้านั้น สิงโตจึงวิ่งหนีเฮรากลิสอยู่ตลอดเวลาเรื่อยไป



กลุ่มดาวหญิงพรหมจารี
เทวีแอสเทรียเป็นบุตรีของมหาเทพซุสกับเทวีธีมิส
นางได้ลงมายังโลกเพราะหวังจะทำให้โลกสงบสุข ร่มเย็น
แต่เหตุการณ์กลับเป็นไปในทางตรงข้าม มีแต่การรบราฆ่าฟัน
เธอทนไม่ไหวที่โลกเป็นอย่างนี้ จึงหนีขึ้นไปเป็นหมู่ดาวบนฟ้า
และบดรวงข้าวหว่านทั่วฟ้า กลายเป็นดาวน้อยใหญ่ตั่งแต่นั้น



กลุ่มดาวคันชั่ง
คันชั่งนี้เป็นของเทวีธีมิส เทวีแห่งความยุติธรรม
คันชั่งเป็นตัวแทนแห่งความยุติธรรม และใช้วัดความยุติธรรม
ครั่งหนึ่งคันชั่งนี้เคยอยู่กับเทวีแอสเทรีย ลูกของนางมาก่อน


โอ้ย... กว่าจะเขียนเสร็จก็กินเวลาไปเยอะโข
ก็เลยไม่ค่อยได้ตรวจทานอะไรเท่าไหร่ ต้องขอโทษด้วยครับ
พบข้อผิดพลาดแจ้งมาได้เสมอเลยนะครับ ^^

ปิดกล่องรูปแต่เพียงเท่านี้ครับ พบกันใหม่คราวหน้าเน้อ~

May 3, 2007

แห่งฟากฟ้า#001 เทพเจ้าระบบสุริยะ

ชุดนี้เป็นรูปเกี่ยวกับเทพเจ้าและดวงดาวครับ
อิงตามเทพเจ้ากรีก-โรมันแล้ว เทพมันก็มีซะเยอะแยะจนจำได้ไม่หมด
(เจ้าของบล๊อกเป็นคนไทย แต่ดันรู้จักเทพฝั่งต.ต.ดีกว่าเทพฝั่งต.อ.)
เทพที่ถูกนำไปตั้งชื่อเป็นดาวเคราะห์ในระบบสุริยะนั้น ก็มี 9 องค์
แล้วถ้านับรวมดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์อีก ก็จะเป็น 11 องค์

แต่ไหงผมถึงได้ทำมาแค่ 8 รูปหละ?
ก็เพราะว่า ดาวเคราะห์ที่คนสมัยโบราณเห็นบนฟ้ามีแค่ 5 ดวงเท่านั้น
รวมกับโลกที่เราอยู่อีก 1 และดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์อีก 2
ได้เป็น 8 รูป 8 องค์พอดี



เริ่มกันที่ดวงอาทิตย์
ได้เทพอะโพลอน (อะพอลโล) เป็นเทพประจำดาว
เทพอะโพลอนนี้ มีความสามารถในการเล่นพิณ ยิงธนู และความยุติธรรม
เทพอะโพลอนเป็นบุตรของมหาเทพซุสกับนางแลโตนา (เทพซุสเจ้าชู้)
เมื่อเกิดมาจากครรภ์ ก็ได้ฆ่างูไพธอน ซึ่งเป็นงูที่เทวีฮีราส่งมารังควานลง
นอกจากนี้ยังมีลักษณะสำคัญคือ ส่องแสงได้ จึงมีอีกชื่อนึงว่าฟีบัส



ถัดมาเป็นดาวพุธ
ได้เทพเฮอร์มิส (เมอร์คิวรี) เป็นเทพประจำดาว
เทพเฮอร์มิสเป็นเทพแห่งความเร็ว เป็นผู้ส่งสารจากสวรรค์ และเป็นขโมย
เป็นบุตรของเทพซุสกับนางไมอา (เทพซุสเจ้าชู้อีกแล้ว)
ครั้งหนึ่งเคยขโมยฝูงวัวของเทพอะโพลอน แล้วต้อนให้เดินถอยหลัง
เพื่อให้ผู้ตามหาวัวในภายหลัง เดินหาผิดทาง จนเทพซุสต้องมาไกล่เกลี่ย
เนื่องจากเป็นเทพแห่งความเร็ว สิ่งของต่างๆ จึงมีปีกติดอยู่ทั้งสิ้น



ดาวศุกร์
ได้เทวีอะโฟรไดตี (วีนัส) เป็นเทวีประจำดาว
เป็นเทวีที่สวยที่สุดก็ว่าได้ และยังป็นเทวีแห่งความรักด้วย
เทวีอะโพรไดตีเกิดขึ้นจากฟองทะเล ใกล้เกาะไซเธอรา
เทวีอะโฟรไดตีเป็นที่หมายปองของเหล่าเทพ รวมทั้งมหาเทพซุสด้วย
แต่เทวีอะโฟรไดตีไม่ได้มีใจให้ จึงถูกจับแต่งงานกับเทพฮีฟีทัส
แม้จะถูกจับแต่งงานแล้ว แต่เทวีอะโพรไดตีก็แอบเล่นชู้หลายครัง
ท้ายสุดก็ถูกแหเหล็กของฮีฟีทัสผู้เป็นสามี จับได้พร้อมกับชู้
และเทวีอะโพรไดตีก็มีบุตรที่เกิดกับเทพอาเรสคืออีรอส (คิวปิด) นั้นเอง



โลก
ได้พระแม่เกียอา (เทลลัส) เป็นพระแม่ประจำดาว
พระแม่เกียอานั้นเกิดขึ้นเองจากความว่างเปล่าในยุคเคออส
เชื่อกันว่าพระแม่เกียอาได้ให้กำเนิดอูรานอส บิดดาแห่งสรรพสิ่งขึ้น
และสืบทอดราชวงค์เรื่อยมาจนถึงยุคของเทพซุสในปัจจุบัน



ดวงจันทร์
ได้เทวีอาธีมิส (ไดอานา) เป็นเทวีประจำดาว
เทวีอะธีมิสเป็นเทวีแห่งการล่าสัตว์ และเทวีผู้ครองพรหมจารี
นอกจากนี้ เทวีอาเทมิสเป็นแฝดกับเทพอะโพลอนอีกด้วย
ตอนเกิดมาเทวีอาธีมิสรับรู้ถึงความเจ็บปวดของการคลอด
จึงขอเป็นเทวีผู้ครองพรหมจารี และออกไปเที่ยวเล่นตามราวป่า
แล้วก็พบชายหนุ่มรูปงาม นามโอไรออน ซึ่งเป็นนายพราน
แต่เนื่องจากเทพอะโพลอนพี่ชาย รู้ว่านางเป็นเทวีผู้ครองพรหมจารี
จึงไม่อาจให้ความรักระหว่างนางและโอไรออนก่อเกิดขึ้นได้
และออกอุบายให้เทวีอาธีมิสสังหารโอไรออน
เมื่อเทวีอาธีมิสสังหารโอไรออนด้วยความเข้าใจผิดแล้ว
เทวีอาธีมิสก็ได้เสกให้โอไรออนไปเป็นหมู่ดาวบนฟากฟ้า




ดาวอังคาร
ได้เทพอาเรส (มาร์ส) เป็นเทพประจำดาว
เป็นบุตรีของมหาเทพซุสกับเทวีฮีรา (ภรรยาหลวง)
แม้จะเป็นเทพแห่งสงครามเหมือนกัน แต่เทพอาเรสของชาวกรีกนั้น
มักถูกแต่งให้รบพ่ายแพ้ เพราะคนกรีกไม่ค่อยนิยมสงครามซักเท่าไหร่
แต่พอมาอยู่ที่โรมัน เทพมาร์สกลับกลายเป็นที่นับถือในทันที
เทพอาเรสเคยเล่นชู้กับเทวีอะโพรไดตี แต่ก็ถูกแหเหล็กจับไวได้
เทพอาเรสไม่มีชายาเป็นตัวตน แต่มีลูก 2 คนซึ่งเกิดกับนางอีริส
คือไดมอส (ความกลัว) และโพบอส (ความสยอง) นั้งเอง



ดาวพฤหัส
ได้เทพซุส (จูปิเตอร์) เป็นเทพประจำดาว
เทพซุสนั้นถือได้ว่าเป็นมหาเทพผู้ครองสวรรค์และแผ่นดิน
เป็นเทพผู้ปฏิวัติยึดอำนาจจากเทพโครนัส ผู้เป็นบิดาของตน
และช่วยพี่ๆ ออกมาจากท้องของเทพโครนัสได้สำเร็จ
แล้วก็ตั้งตนเป็นมหาเทพ และแต่งงานกับเทวีฮีรา น้องของตน
เสร็จแล้วจึงให้โพไซดอนครองพื้นน้ำ และฮาเดสครองยมโลก



ปิดท้ายแล้ว.... ดาวเสาร์
ได้เทพโครนัส (แซทเทอร์น) เป็นเทพประจำดาว
เทพโครนัสเป็นบิดาแห่งมหาเทพรุ่นปัจจุบัน (ซุส โพไซดอน และฮาเดส)
แต่เนื่องจากเทพโครนัสไม่ต้องการให้อำนาจตกไปอยู่ในมือของลูกๆ
เมื่อลูกๆ เกิดมา เทพโครนัสจึงได้จับกลืนลงท้องไปสิ้น
ยกเว้นแต่ซุส ซึ่งถูกนางรีอาผู้เป็นแม่นำไปซ่อนไว้ แล้วเอาหินให้กลืนแทน
เมื่อเวลาผ่านไป เทพโครนัสก็ถูกเทพซุส ลูกของตนโค่นอำนาจลง

เฮ้อ... ว่าจะเขียนยาวๆ แล้ว แต่ไม่ไหวแฮะ
ขอย่อประวัติของเทพมาสั้นๆ พอดีกว่าเนาะ
ถ้ายังอยากรู้มากขึ้นต้องหาอ่านเองแล้วหละ ^^

อ๋อ... ภาพดวงจันทร์นั้นถ่ายเองนะ เมื่อ 17 มีนาคม 2005
ฟิล์ม 400 ถ่ายผ่านกล้องดูดาวหักเหแสงยุพา 150 กระจกหลัก 6 นิ้ว
เปิดหน้ากล้องประมาณ 1/32 วินาที (ถ้าจำไม่ผิด แต่ค่อนข้างเร็ว)

ส่วนรูปอื่นๆ หามาจาก google (จำไม่ได้แล้วว่าไปเอามาจากไหนมั่ง)

เปิดกล่องรูปคราวนี้ก็หมดเท่านี้ละครับ แล้วไว้เจอกันคราวหน้านะครับ~

May 2, 2007

1st โชว์รูม - มาวาดรูปกันเถอะ!

นานๆ จะได้ปัดฝุ่นซักที...
เอามาปัดฝุ่นคราวนี้ไม่มีอะไรหรอก
ขุดรูปที่เคยวาดไว้เมื่อก่อนมาแปะให้มันเห็นชัดๆ ^^

รูปพวดนี้วาดตอนเรียนวิชาที่ไม่ใช่ศิลปะ -*-
ทำไมถึงวาดอะหรอ... ไว้กันหลับในห้องหนะซิครับ ^^
ก็วิชาที่เรียนมันออกจะน่าเบื่อจะตายไป ขืนฟังเฉยๆ หลับแน่เลย
แต่ว่านั่นมันก็ตอนม.5 อะ ไม่รู้ว่าม.6 ต้องใช้วิธีนี้หรือเปล่านะ...



รูปแรกที่ลง (แต่วาดเป็นอันสุดท้าย)
เอาไงดีอะ... อาชีพของเราในอนาคตมั้ง?
แต่ไม่ได้เป็นหรอก พ่อดักคอเรื่องอาชีพสายศิลป์เรียบร้อย T_T



ต่อมาเป็นเซ็ตของกาลิเลโอ (2 รูป) นักวิทยาศาสตร์รุ่นบุกเบิก
ผู้พิสูจน์ว่าโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ และประดิษฐ์กล้องดูดาวอันแรก
เอ่อ... กล้องมันเวอร์ไปหน่อยมั้ง ของจริงรู้สึกจะไม่ได้ยาวขนาดนี้นะ



กาลิเลโอไปแล้วก็ต้องเป็นนิวตัน (3 รูป)
ผู้ค้นพบสเปกตรัม และโดนลูกแอปเปิลตกใส่หัวเพราะกฎแรงดึงดูด
F = ma (หมายถึงถ้าได้เกรด F จะโดนมวลคูณความเร่งฟาดที่น่อง)



ส่วนคนนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก ไอจะตาย... เอ้ย ไอน์สไตน์ (2 รูป)
ไอ่บ้าที่บอกว่าเวลายืดหดได้! (แต่จะไปว่าบ้าก็ไม่ได้เพราะมันเป็นจริง)
ใครอ่านทฤษฎีสัมพัธภาพรู้เรื่องโปรดมาอธิบายหน่อย - -"



ปิดท้ายด้วยรูปปืน (ซึ่งเจ้าของบล๊อกก็ไม่รู้ว่ามันเป็นรุ่นอะไรยี้ห้ออะไร)
เอ๋... จำไม่ได้ว่าตอนวาดคิดอะไรอยู่นะ แต่ก็สวยบนความน่ากลัวนะ

หมดกรุแล้ว~ หวังว่าคงสนุกกับการชมภาพนะคร้าบ ^^