Dec 31, 2009

ความทรงจำในห้องของฉัน

ใครต่อใครมักปรามาสวันรุ่นชายไว้ว่า ห้องรกอย่างกะรังหนู
เอาเป็นว่า พวกเค้าพูดถูกก็แล้วกัน เพราะผมนั้นเป็นข้อพิสูจน์ที่ดี
ถึงแม้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ มันจะไม่เคยรกเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่นั่นเป็นอานิสงส์จากการถูกจำกัดรายรับ และแม่ช่วยจัดห้องเสมอ

หลังจากอยู่ห้องเดิมมาหลายปี พร้อมกับอิสระที่เพิ่มขึ้น
ห้องมันก็ถึงจุดอิ่มตัว ค่าเอนโทรปีของห้องพุ่งขึ้นถึงขีดสุด
(อึ่ม... อย่างน้อยก็ถึงขีดสุดความรับไหวของแม่หละนะ)
เป็นผลให้ต้องทำการลดเอนโทรปีห้องลง (แล้วเพิ่มเอนโทรปีที่อื่นแทน)

พูดให้เข้าใจง่ายไม่ใช้ภาษาวิทยาศาตร์ก็คือ จัดห้องนั่นแหละครับ

จัดห้องตั้งแต่เมื่อวานเช้า จนป่านนี้ยังจัดไม่เสร็จเลย (ป่าวอู้นะ ^^")
เจอสมบัติเก่าแก่ที่เก็บเอาไว้ อิอิ ตอนเด็กเราเก็บอะไรเยอะไปหมด
นั่งดูแต่ละอย่างก็ชวนรำลึกถึงความหลังได้เป็นอย่างดี

ไปเจอโครงการยื่นเสนอ NSC ตอนม.ต้น ก็นึกได้ถึงเพื่อนเก่า
เอ่อเนาะ เราทะเลาะกับเพื่อนจะเป็นจะตายได้ยังไงเนี่ย
ทั้งๆ ที่เรื่องมันก็ไม่มีอะไรเลย เกือบเสียเพื่อนดีๆ ไปแล้วมั้ยหละ

เจอชุดหมากล้อมที่เก็บไว้ เป็นชุดแรกในชีวิตเลย
ยังซื้อไม่เป็น&โกะไม่ดังยังไม่มีขาย เลยได้ขนาดเล็กกว่าปรกติทั่วไป
แต่ก็เล่นอย่างมีความสุข (แถมยังเจอเพลงประหลาดๆ ที่แต่งไว้อีก อิอิ)

เจอหนังสืออวกาศเยอะมากกก แค่ได้เห็นอีกครั้งก็มีความสุขแล้ว

เจอพวงกุญแจเยอะแยะเลย จำได้ว่าเป็นคนชอบเก็บสะสมพวงกุญแจมาก

เจออะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมดเลย มีความสุขจริงๆ ที่ได้จัดห้อง ^^
ก็อยากให้คนที่ได้แวะมาอ่าน มีความสุขกับเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตนะครับ

ทดสอบๆ ถ้าแก้ไขทีหลังแล้ว fb จะแก้ตามหรือ้ปล่าหว่า?

Nov 30, 2009

อยากทำ อย่างที่ 3 เขียนนิยายคณิตศาสตร์ให้ดังก้องโลก

เมื่อวันก่อน ขณะอ่านหนังสือการทดลองทางวิทยาศาตร์อยู่
ก็เกิดไอเดียแจ่มแมวแว๊บขึ้นมาในหัว นั่นก็คือนิยายคณิตศาสตร์

ไม่รู้ว่าทำไมสมองเราถึงทำงานเร็วมาก ในเวลาที่ไม่คิดว่าจะทำงาน
แค่เห็นคำว่า paradox เข้าไป ก็คิดไปไกลถึงหนัง the metrix
แล้วก็คิดว่า เอ่อ หนังเรื่องนั้นมันก็แทรกปรัชญาเยอะโครตเลยนี่หว่า
(เอ๋... หรือว่าเป็นหนังปรัชญาที่แทรกแอคชันกันแน่ อิอิ)

แล้วก็คิดถึงอลิซในดินแดนมหัศจรรย์ ของลิวอิส คาร์โรล
ซึ่งผู้ประพันธ์นั้นเป็นนักคณิตศาสตร์ (อ่านเพิ่ม my math ฉบับ 19)
และถ้าอ่านอย่างตั้งใจแล้ว จะพบว่ามีคณิตศาสตร์ซ่อนตัวอยู่มากมาย

แล้วก็คิดไปเรื่อยๆ (ภายในเวลาไม่กี่วิ) จนไอเดียบังเกิดนั่นแล
ก็คือ นิยายคณิตศาสตร์ ที่ใช้คณิตศาสตร์เป็นแก่นของเรื่อง
แล้วแต่งเติมเรื่องราวอื่นๆ ลงไป ให้น่าสนใจเหมือนกับนิยายทั่วไป

ฝันอยากให้มันเป็นหนังนะ เอาให้ดังเป็นพลุแตกเหมือน the matrix เลย!

Nov 27, 2009

อยากทำ อย่างที่ 2 อัพเกรดคอมฯไปไว้หน้าทีวี

อยากอัพเกรดคอมฯ จังเลย =^_^=
ตอนนี้แกะคอมฯ เรียบร้อยแล้ว
ของเยอะแยะเต็มไปหมดเลยอ่า
ไดร์ฟเก่าที่ไม่ได้ใช้ยังติดเครื่องอยู่เลย
แถมฮาร์ดดิกส์เก่าเน่าๆ 32 จิ๊กที่จะถอดทิ้งละ

เดี๋ยวจะไปเปลี่ยนบอร์ดใหม่ให้เล็กลง
เอาการ์ดจอออนบอร์ดไปเลย
จะได้ซื้อเคสใหม่อันเล็กๆ น่ารักๆ
แล้ววางไว้หน้าทีวี ต่อออกจอใหญ่ สะจาย

ตอนนี้ถ้าว่างจะแวะไปพันทิพให้เร็วจี๋เลย
แล้วก็ขายๆๆๆๆ ของเก่าให้หมด
(แรมเก่า กับจอ อย่างอื่นอาจขายไม่ได้ตังค์)
ซื้อของใหม่มาอัพคอมฯ อย่างเร็ว
จะได้โอนเป็นคอมประจำบ้านเสียที ^^

Nov 19, 2009

อยากทำ อย่างที่ 1 เปิด Lab วิชาคณิตศาสตร์

ถ้าได้เป็นอาจารย์มหา'ลัยนะ จะเปิดวิชา Lab เกี่ยวกับคณิตศาสตร์เลย
ไม่ต้องมหา'ลัยก็ได้ แค่อาจารย์มัธยมก็พอ จะแอบเอาวิชาเรียนมาบูรณาการ
แล้วก็เปิดสอนแบบ Lab ซะเลย ฮาๆๆ

ที่อยากสอน Lab วิชาคณิตศาสตร์มากๆ เลย นั่นก็เป็นเพราะว่า
วิชาอื่นๆ อย่าง ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ก็ทำ Lab กันเป็นเรื่องปรกติ
ไฉนเลย วิชาคณิตศาสตร์จะไม่มี Lab หละ? อิอิ

แล้วจะทดลองยังไงหละ? ง่ายๆ เลย คาบแรกแจกวงเวียน+ไม้บรรทัด
สร้างจำนวนนับขึ้นมาสิ อันนี้คงไม่ยากเท่าไหร่
อะ ต่อมา สร้างจำนวนตรรกยะสิ ทำได้หรือเปล่า?
ถ้าทำได้ ไหนลองสร้างจำนวนอตรรกยะสิ จะยังทำได้อยู่หรือเปล่าน้า?

คาบถัดมา อะ สร้างรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าสิ
สร้างวงกลมแนบใน-แนบนอกสิ
เอ้า ลองหาสมบัติบางประการของมุมในสามเหลี่ยมแนบในสิ

คาบอื่นๆ อาจแจกเครื่องคิดเลข
เอ้า ลองหารูทของสองคูณรูทของสองคูณรูทของสอง... ไปเรื่อยๆ สิ
ทำได้แล้ว งั้นก็ลองเปลี่ยนเลขสองเป็นเลขสามมั่ง ดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น
อะ เปลี่ยนตัวเลขไปเรื่อยๆ สิ อึ่ม แล้วสรุปได้มั้ยว่ารูปทั่วไปเป็นยังไง

ฮ่าๆๆ น่าจะเป็นวิชาที่สนุกน่าดูเลย ^^

(แอบบ่นเล็กน้อย หลังจากเสียใจที่รู้สึกคล้ายว่าคณิตศาสตร์จะไม่ใช่ศาสตร์ที่ถนัด)
(แต่ตอนนี้ดันชอบทำ Lab มากกว่า แล้วก็น้อยใจว่าทำไมคณิตถึงไม่มี Lab)
(ถ้าได้เป็นใหญ่เป็นโต จะปฏิรูปการเรียนคณิตศาสตร์ให้หมดเลย คอยดูสิ หุหุหุ)


ทดไว้ก่อน ถึงเวลาจริงๆ จะได้ไม่ลืมทำ!

Nov 16, 2009

I Can't Tell You Why

...Nothing's wrong as far as I can see
We make it harder than it has to be

คืนนี้พยายามข่มตาให้หลับ แต่ก็หลับไม่ลง
แล้วอยู่ๆ ท่อนนี้ของเพลงก็ดังขึ้นมาในหัว
ใช่แล้วหละ ชีวิตเราช่างเหมือนกับเพลงนี้เสียจริง

สิ่งที่ร้ายๆ ที่เราพบมันนั้น
แท้จริงแล้วไม่ได้ยากเกินไปกว่าที่จะก้าวข้ามมันเลย
แต่กลับกลายเป็นเราเอง ที่ทำให้มันยากขึ้นกว่าเดิม
จนหลายครั้งก็ถอดใจที่จะก้าวต่อ

รู้จักเพลงนี้มานานนนนนนนนนมากครับ
นานแบบว่า ลืมไปแล้วว่าไปรู้จักตอนไหน
จำได้แค่ว่า ตอนเริ่มซื้อคอมฯใหม่ๆ ช่วงป.5
อินเตอร์เน็ตยังไม่แพร่หลาย หา mp3 ยากมาก
แต่ก็อยากเปิดเพลงฟังในคอมฯ เพราะมันเทห์ดี

ถึงขั้นเปิดเทปในวิทยุ แล้วก็จ่อไมค์อัดเสียงลงไป
ตอนนั้นยังไม่มีโปรแกรมแปลงเป็น mp3 เลย
ส่วนไอ่การจ่อไมค์นั้น ก็ทำคุณภาพดร็อปลงไปอีกมากโข
เสียงที่ได้จึงไม่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ยังฟัง

จนกระทั่งข้างบ้านไปได้เพลงนี้มาจากไหนก็ไม่รู้
เลยเอาแผ่นฟล๊อปปี้ดิกส์ไปก็อปมาฟัง
จะก๊อปตรงๆ ก็ไม่ได้อีก เพราะขนาดไฟล์ใหญ่เกินความจุ
ต้องหาโปรแกรมซิปมาแยกไฟล์-ต่อไฟล์ให้วุ่นวาย
แถมตอนนั้น แผ่นที่ใช้ได้ดันมีเหลือแผ่นเดียวพอดี
ได้เดินไปเดินกลับตั้งหลายรอบกว่าจะเสร็จ

พอหมดยุคของเทปคลาสเซต (ทางบ้าน)
ก็ก้าวกระโดดไปที่ยุคของดีวีดีเลย (555)
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หาดีวีดีเพลงนี้นานมาก
กว่าจะได้มาก็ต้องไปถึงแม่สายโน่นแหนะ

แล้วก็นะ อุตสาห์ได้แผ่นมาทั้งที
แต่เครื่องเล่นหนังที่บ้านยังเป็นซีดีอยู่เลย
ได้ลงทุนเปลี่ยนเป็นเครื่องดีวีดีเพื่อแผ่นนี้แผ่นแรก

จนเมื่อขายรถเก่าไปแล้ว รถใหม่มีแต่ช่องใส่ซีดี
เทปเพลงที่มีอยู่ก็ดูเหมือนจะหมดประโยชน์
เลยไปหาซีดีเพลงนี้มาติดรถไว้ฟังอีกจนได้

แม้ว่าจะยากลำบากเพียงไหนในการหาเพลงนี้มาฟัง
แต่ก็ยังทำไปเพราะอยากฟังเพลงนี้จับจิต
อาจเป็นเพราะเสียงร้องที่มีเสน่ห์ของ Timothy B. Schmit
หรืออาจเป็นเพราะท่วงทำนองที่ฟังแล้วเหมือนตรึงเราอยู่กับที่
แต่สุดท้ายแล้ว ผมก็บอกไม่ได้หรอก เพราะอะไรผมถึงได้ทำไป
เพราะว่าผมก็ไม่รู้เหมือนกัน

...I can't tell you why...

ฟังมาตั้งนาน ลงทุนลงแรงกับมันไปเยอะ
แต่ก็พึ่งจะมาเข้าใจความหมายแท้จริง
ใช่แล้ว บางทีเราก็บอกไม่ได้หรอก
ว่าทำไมถึงได้ทำสิ่งนั้นลงไป
แต่ผลสุดท้ายแล้วนั้น

เพลงนี้ ก็เหมือนกับชีวิตผมตอนนี้นั่นแหละ

Every time I try to walk away
Something makes me turn around and stay
And I can't tell you why...

Oct 3, 2009

You’ve Got a Friend



You just call out my name
and you know wherever I am
I'll come running to see you again.

ขอเพียงแต่เขียนมา ขอเพียงส่งเสียงมา
จะไปในทันใด จะไปยืนเคียงข้างเธอ
จะไปดูแลเป็นเพื่อนเธอ ให้เธอหมดความกังวลใจ

สวัสดีหลังจากที่ไม่ได้อัพอะไรมานานมากกกกกกกกก
หลังจากที่ได้อัพติดกันถี่ๆ แล้ว อัพบ้างไม่อัพบ้างคราวนี้รู้สึกดีจัง
สงสัยเป็นเพราะถ้าต้องเค้นพลังสมองมาอัพ จะคิดไม่ค่อยออก
แต่พอปล่อยตัวให้ว่าง กลับทำได้ง่ายๆ เลย เย่ๆๆ

ก็เหมือนเพลงนี้แหละครับ
ไม่ต้องคิดถึงตลอดเวลา แต่ถ้าต้องการเมื่อไหร่จะมาทันที
เพื่อนกัน ก็ต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกันสิ จริงมั้ย...

...แวะมาอัพสั้นๆ พอดีนอนไม่ค่อยหลับ
แล้วเพลงนี้ก็วิ๊งขึ้นมาในหัวพอดี ^^
อยากเก็บมาเล่าขานซ้ำอีกครั้งครับ

Winter, Spring, Summer, or Fall,
All you have to do is call
And I'll be there, You've got a friend.

Sep 23, 2009

คุ๊กกี้กับชายแปลกหน้า

ณ สนามบินที่พลุกพล่านที่สุดแห่งหนึ่งในช่วงวันหยุดยาว

ผู้หญิงคนหนึ่งเตรียมตัวเดินทางกลับบ้านที่เธอจากมาแสนนาน
เธอซื้อหนังสือพิมพ์และคุ๊กกี้ระหว่างรอขึ้นเครื่องที่ดีเลย์กว่าครึ่งชั่วโมง
หลังจากหาที่นั่งอยู่นาน เธอก็พบที่นั่งว่างข้างชายแก่ที่ดูป่ำเป๋อๆ คนหนึ่ง
ด้วยความดีใจ เธอรีบตรงไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์และกินคุ๊กกี้ทันที

หลังจากนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ได้พักใหญ่ เธอเริ่มรู้สึกได้ถึงสิ่งประหลาด
คือคุ๊กกี้ที่เธอกินนั้น เหมือนว่าจะร่อยหรอลงอย่างรวดเร็วเกินกว่าปรกติ
เธอเหลือบตาจากหนังสือพิมพ์ดู พบชายแก่หยิบคุ๊กกี้กินอย่างเอร็ดอร่อย

ด้วยความไม่พอใจ แต่ไม่กล้าพูดอะไรเนื่องจากไม่อยากมีเรื่องกับคนแก่
เธอจึงหยิบคุ๊กกี้กินเร็วขึ้น หวังว่าชายแก่จะไม่มีโอกาสได้แย่งเธอกิน

แต่ยิ่งเธอหยิบคุ๊กกี้กินเร็วขึ้นเท่าไหร่ ชายแก่ก็ยิ่งกินคุ๊กกี้ตามไวขึ้นเท่านั้น
จนคุ๊กกี้เหลือชิ้นสุดท้าย เธอและชายแก่ต่างดูท่าทีกัน ยังไม่รุกต่อแต่อย่างใด
เธอมองชายแก่ตาเขียวปั๊ด ส่วนชายแก่มองเธอด้วยรอยยิ้ม

เวลาผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ ชายแก่ก็ยื่นมือลงไปหยิบคุ๊กกี้ขึ้นมา
เขาหักมันออกครึ่งนึง และยื่นคุ๊กกี้ครึ่งชิ้นให้เธอด้วยรอยยิ้ม
ส่วนอีกครึ่งชิ้นนั้น พอเขากินเสร็จ เขาก็จากไป

เธอโมโหกับเหตุการณ์นี้มาก ที่ต้องเจอกับคนไร้มารยาทในวันที่น่าหงุดหงิด
พอได้เวลาขึ้นเครื่อง เธอจึงตรงไปยังทางขึ้นทันทีและเปิดกระเป๋าหยิบตั๋วโดยสาร
แต่สิ่งที่เธอพบในกระเป๋านั้น นอกจากของใช้ส่วนตัวและตั๋วเครื่องบินที่เธอหาแล้ว
ยังมี "คุ๊กกี้ห่อที่เธอซื้อ" อยู่ในนั้นด้วย

...

ปรกติเป็นคนเล่านิทานไม่เก่งเลย ถึงแม้ว่าจะอ่านนิทานมาเยอะก็ตาม
ทั่งยังไม่ชอบพูดว่า "นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า..." ด้วย เพราะโตๆ กันแล้วนะ
จะเลือกมองด้านไหน มองยังไง ก็สุดแล้วถึงความคิดของแต่ละคนนะครับ

ที่วันนี้มาเล่านิทาน (ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า) เรื่องนี้ให้ฟัง
สงสัยเพราะอ่านนิทานบีเดิลของเจเคมาแล้วสนุกดีแหละครับ

เรื่องที่เล่ามานี้ ได้ฟังเมื่อครั้งเป็นนักเรียน ตอนเช้ามีการเทศน์ในโบสถ์
เป็นเรื่องของพระเจ้าบ้าง เรื่องทั่วไปบ้าง ก็ฟังมาตลอด (แม้จะจำได้นิดเดียว)
เรื่องนี้โดนใจเป็นพิเศษ เลยเก็บมาเล่าอีกครั้ง เพื่อให้จำขึ้นใจ และได้คิดไตร่ตรองครับ
ขอบคุณอาจารย์ (ขออภัยที่จำชื่อไม่ได้) มากๆ เลยครับ ที่ทำให้ผมมีโอกาสฟังเรื่องนี้

Aug 7, 2009

สิ่งที่ทำผิดลงไป

สิ่งที่ทำผิดลงไป
มันมีมากมายหลายอย่างจนนับไม่หมดเลยหละ
ถ้าเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ จะยังทำผิดซ้ำมั้ยน้า?
สมองยิ่งทึบอยู่ด้วย สอนอะไรไปก็ไม่ค่อยจะจำ

วันนี้เอารถไป (โดน) ชนมาอีกแล้ว
สาเหตุใหญ่คือ รีบร้อนจนลืมตัว
จนทำให้ตัดสินใจอะไรง่ายไปจริงๆ

พอเห็นทางโล่งปุ๊ป ก็รีบเลี้ยวปั๊ป
ทางถนนอะมันโล่ง แต่บนขอบทางดันมีคนอยู่
แล้วคนนั้น เค้าก็ดันข้ามถนนตรงจุดอันตรายเสียด้วย
รถเราที่พุ่งไป ก็เกือบชนคนที่ข้ามถนนนั้น
โชคดีที่เบรกทัน เค้าคนนั้นเลยไม่เป็นไร

แต่เหมือนกับใช้โชคมากไปจนหมด
ทันใดนั้นก็มีรถมอไซต์พุ่งมาอย่างเร็วในทางตรงข้าม
รถเราที่เบรกกะทันหันเพื่อไม่ให้ชนคน
ก็กลับกลายเป็นขวางทางมอไซต์คันนั้นแทน

ตอนที่โดนชนนั้น ในหัวเรามันขาวโพลนไปหมด
กว่าจะรู้ตัวว่าควรทำอะไรต่อไปก็เกือบสิบวิ
กว่าจะรู้ตัวว่าเราขับไปขวางเค้านะ ก็สับสนนานมาก
แย่จริงๆ เลย เรานี่ ทำผิดแล้วยังไม่รู้ตัวอีก

จากใจจริงแล้ว เราไม่อยากทำผิดหรอก
เกิดเรื่องขึ้นแต่ละที มันช่างทรมานจิตใจ
เป็นไปได้ก็อยากรับรู้สถานการให้กระจ่างชัด
และต้องไม่ลืมว่า จะต้องตัดสินด้วยความรอบคอบ
ไม่ให้เรื่องอื่นใดมารบกวนความคิดได้

สิ่งที่ทำผิดไป
แม้จะมีมากมายหลายอย่าง
และอาจกลับมาทำผิดได้อีกก็ตาม
แต่เราจะพยายามทำให้มันดีขึ้น
และมันต้องดีขึ้นให้ได้จริงๆ

Jul 3, 2009

หมดกำลังใจ

นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่เราไม่ได้อัพได
ช่วงนี้รู้สึกเครียดๆ กับงานที่วิ่งเข้ามาหา
เบื่อจังกับไอ้กำหนดการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม
เพราะอะไรที่เราลงเวลาไว้แล้ว มันจะเลื่อนๆๆๆๆ ออกไปหมดทุกอย่างเลย
หรือว่าเราขยันหางานมาลงจนขยับเวลาไม่ได้กันนะ...

ล่าสุด ตอนนี้มีงานเมเจอร์เข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว
ใจจริงตั้งแต่แรกนั้น อยากทำงานนี้อยู่แล้ว
เพราะว่าเราจะได้ทำหน้าที่ที่อยากทำมานานมาก
นั่นคือ การควบคุมและตัดต่อเสียงประกอบละคร
เป็นงานที่ค่อนข้างหนัก แต่เราก็เดิมใจทำ
เพราะเมื่อเรามีใจชะอย่าง หนักแค่ไหนก็ไม่กลัวอยู่แล้ว

แต่แล้วก็เกิดเรื่องน่าหงุดหงิดขึ้น เมื่อวันแรกก็เลิกดึกมากๆ
ซึ่งเราก็ไม่รู้มาก่อนว่า มันจะดึกได้ถึงขนาดนี้
ทางบ้านก็เป็นห่วง ไม่อยากให้กลับเกินเที่ยงคืน
เพราะถ้าเลยนั้นแล้ว เราคงขับรถไม่ไหวแน่
ยังดีที่สามารถอาศัยหอเพื่อนนอนได้

วันถัดมาเลยตัดสินใจหอบข้าวของไปนอนหอเพื่อน
แต่ก็ไม่อยากรบกวนนานเกิน เลยสืบดูว่าจะมีวันไหนที่ได้เลิกเร็วมั่ง
ก็คาดไว้ว่า เป็นวันที่พี่ขอดูละครที่พวกเราทำมา

ในใจนั้นกะไว้แล้วว่า ต้องไม่ผ่านพี่ๆ แน่นอน
เพราะละครที่ทำกันก็ยังไม่ดีมากมายถึงขั้นชิงออสการ์ได้
แต่เหตุผลหลักที่เรารู้สึกได้อย่างรุนแรงมากก็คือ
มันเป็นธรรมเนียมที่พี่ไม่ยอมให้ผ่านตั้งแต่ครั้งแรกอยู่แล้ว

ก็เผื่อใจไว้แล้วว่าต้องได้แก้ไขงานแน่นอน
แต่ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า พี่จะไร้เหตุผล ขอให้แก้งานให้เสร็จในคืนนี้
โอ้... วันที่ฉันจะได้พักผ่อนสลายหายไปกับตา

ช๊อคมากเลยตอนได้ยินอย่างนั้น
ตอนสี่ทุ่มครึ่งเวลาที่จะต้องได้แสดงซ่อมให้พี่ดูนั้น
คอมเมนท์คราวนี้เหมือนจะเยอะกว่าครั้งแรกที่เสดงให้ดูอีก
พอคอมเมนท์เสร็จตอนเที่ยงคืน ก็พบว่ามีอีกหลายจุดมากที่ต้องแก้

แล้วเราก็อยู่แก้งานกันไปเรื่อยๆ โดยมีพี่ๆ คอยเฝ้าให้คำแนะนำ
ลิมิตของเรามันก็หมดลงตอนตีสาม ไม่ไหวแล้ว
รู้สึกแย่มากๆ ว่าทำไมต้องอยู่ทำงานดึกๆ ด้วย

ถึงแม้ว่าเพื่อนๆ หลายคนจะอยู่กันได้
แต่เรามีบ้านให้กลับ มีครอบครัวให้ดูแล
จะให้กลับดึกแบบนี้ไปตลอดมันก็ไม่ไหวนะ

พอแล้วหละ จะไม่อยู่ทำงานดึกๆ กับงานที่ไร้สาระอีกแล้ว
หมดกำลังใจในการทำงานเมเจอร์ไปแล้ว
อย่าให้หมดใจที่จะรักเมเจอร์นี้อีกอย่างนึงเลย

Jun 7, 2009

สำรวจตัวเอง กับหนึ่งปีที่ผ่านมา

หนึ่งปี (กว่าๆ) ผ่านไปแล้วสำหรับชีวิตในมหา'ลัย
มองย้อนไป ทำไมเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย

อย่างแรก ก็ยังตื่นสายอยู่เหมือนเดิม
แน่นอนว่า บังคับตัวเองให้ตื่นเช้าก็พอทำได้
แต่พอทำติดต่อกันไปนานๆ แล้วล้าจังแฮะ
ยิ่งถึงวันที่ไม่จำเป็นต้องตื่นเช้าแล้ว เลยไปโน่น
ต้องแก้ที่ต้นเหตุ คือ นอนให้เร็วขึ้นเท่านั้นแหละ

อย่างต่อมา หลับในห้องเรียนตอนเจอวิชาน่าเบื่อ
อันนี้คาดว่าเป็นผลกระทบมาจากข้อแรกเต็มๆ
แต่ถ้าแก้ข้อแรกแล้วยังหลับอยู่ ต้องพิจรณาใหม่

อย่างที่สาม ห้องยังคงรกรุงรังอยู่เหมือนเดิม
คาดว่าเนื่องมาจาก เวลาไม่ค่อยมีให้จัดของเท่าไหร่
น่าจะเกี่ยวข้อกับข้อหนึ่งด้วย เพราะนอนเยอะมาก
ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีคิดในการจัดตารางเวลาแล้วหละ

...

สิ่งที่รู้ตัวชัดขึ้น เมื่อได้ไปใช้ชีวิตอยู่ในมหา'ลัยมา

เราชอบทำกิจกรรม... ไม่สิ ต้องบอกว่ารักเลยหละ
แต่ว่าเรานั้น เข้าร่วมกิจกรรมในฐานะผู้ร่วมงานบ่อย
พอย้ายมาอยู่ในฐานะผู้จัดกิจกรรม ยังทำได้ไม่ดีเลย
โดยเฉพาะเรื่องการวางแผนล่วงหน้า การจัดสรรค์คน
ต้องรีบปรับปรุงตัวเองโดยด่วนแล้วหละ

เราเป็นคนยอมความคิดคนอื่นมากเกินไป
ทั้งๆ ที่มีไอเดียแจ่มแมวอยู่ในหัวแท้ๆ
แต่หลายต่อหลายครั้ง เราไม่ได้พูดออกไป
เพราะว่ากลัวโน่นนี่นั่นเต็มไปหมด
แล้วผลสุดท้ายก็ทำให้งานออกมาไม่น่าพอใจ
อันนี้เริ่มแก้ไขไปแล้ว

เรายังไม่มีความเป็นผู้นำที่ดี
เมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจ เราฟังคนอื่นมากเกินไป
และในหลายๆ ครั้ง เราดันลงไปทำงานเล็กน้อยๆ
ตรงนี้ต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติการทำงานหละ

...

เรื่องที่บกพร่องยังมีเยอะกว่านี้
แต่เอาเป็นว่า แก้ไขเรื่องที่เขียนๆ มานี้ให้ได้ก่อน
แล้วอีกหลายๆ อย่างน่าจะดีขึ้นตามลำดับเอง

May 27, 2009

รถชน อีกแล้ว

เมื่อวานนี้เราได้ขับรถคันที่ไม่ได้ขับมานาน
เป็นรถกระบะเกียร์กระปุกคันใหญ่มากๆ
ซึ่งปรกติเราจะไม่ขับคันนี้เด็ดขาด
เพราะมันขับยากมาก
แถมครั้งแรกที่ได้ขับนั้น ก็ไปเฉี่ยวมาแล้วด้วย

เพราะเรามีความจำเป็นต้องขับ ก็ใจตุ้มๆต่อมๆ ทั้งวัน
อาการต่างๆ ของมือใหม่ปรากฏออกมามากมาย
ทั้งสตาร์ทแล้วพุ่ง ดับกลางสี่แยก ลืมเปิดไฟ รถไหลลงเนิน
ไปจนถึงตอนดึกที่ขับชนเสาล้มลงหนึ่งต้น
อีกแล้วหรอ ...เฮ้อ

เหตุการณ์เกิดขึ้นตอนที่ขับรถลงเนิน
เราลดเกียร์ลงเป็นเกียร์สอง เพื่อลดความเร็วของรถ
ทางตอนนั้นมืดมากๆ ไม่รู้ว่าไฟดับหรือดับไฟกันแน่
เราเปิดไฟสูงเพื่อให้เห็นทางได้ง่ายขึ้น
แต่ไฟสูงก็ไม่สามารถช่วยให้มองเห็นด้านข้างได้ดีขึ้นเท่าไหร่
แถมคานรถฝั่งขวาคนขับนั้น ก็บดบังการมองเห็นไปหมด
มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่โดนเตือนว่า แถวนี้มีแสานะ
แต่ยังไม่ทันขาดคำ รถก็ชนเสาล้มไปซะแล้ว...

ตั้งแต่ขับรถจริงจังๆ มาได้หกเดือน เราขับรถไปเฉี่ยวชนมาแล้วถึงหกครั้ง
ไม่รู้ว่าเรามองโลกในแง่ดีหรือว่าเข้าข้างตัวเองมากเกินไปมั้ย
แต่ทุกครั้งที่เราขับรถไปชนนั้น ไม่เคยชนซ้ำที่จุดเดิมเลย
และที่สำคัญ ทุกครั้งที่เกิดเรื่อง คู่กรณีคือเสาทั้งนั้น ไม่มีคนเคยโดนเราขับชนด้วย

ใครหลายคนที่ขับรถแล้วต้องได้เฉี่ยวได้ชนบ่อยๆ อาจจะหวาดกลัวการขับรถไปเลย
แต่นั่นไม่ใช่เรา เพราะยิ่งเราขับชนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งอยากฝึกขับรถให้มากขึ้นเท่านั้น
ถึงแม้ว่าเราจะมีโอกาสขับรถไปชนเสาสูงมากก็ตาม
แต่เรามั่นใจว่า จะไม่ชนที่เดิมอีกแน่นอน

และสัญญาว่า จะระมัดระวังให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้ไม่ขับรถชนอีก

May 18, 2009

พายุ นอนไม่หลับ กลัว

ฉันนั่งอยู่ตรงที่เดิม ที่เดียวกันกับเมื่อสองปีก่อน
แต่กลับให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

"22:45"

ฉันไม่สามารถข่มตาให้หลับลงไปได้
แล้วอยู่ๆ พายุฝนก็ปรากฎตัวขึ้นมา

ฉันทำได้แต่กลัว... กลัวในพลังของมัน
กลัวว่าพายุที่เกิดขึ้นคราวนี้ จะใหญ่ยิ่งกว่าทุกครั้ง
กลัวว่าฉันจะพ่ายแพ้ต่อพายุผนที่โถมกระหน่ำ
กลัวว่าพายุจะทำลายทุกอย่างที่ได้ทำไว้จนหมด

อะไรทำให้เรากลายเป็นคนอย่างนี้ไปได้นะ...

ฉันได้แต่ทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันมานี้
บางครั้ง การพูดอะไรออกไป อาจทำให้คนเข้าใจผิด
แต่ทุกครั้งที่ไม่ได้พูดอะไร มันทำให้คนเข้าใจผิดยิ่งกว่า
และท่าทางว่า มันจะเป็นต้นตอของพายุครั้งนี้ด้วย

ตอนนี้ฉันมองไม่เห็นหนทาง ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี
สองสิ่งที่หวังไว้ ขอให้ฝนเบาลง เผื่อจะเห็นทางข้างหน้า
และขอให้ไม่ล้มหมอนนอนเสื่อเสี่ยก่อนที่จะได้เห็นฝนหยุด

เพราะยังไงก็ตาม ฉันยังคงเชื่อมั่นว่า
เมื่อฟายุฝนได้ผ่านพ้นไปแล้ว
ท้องฟ้านั้นย่อมสดใสสวยงามเสมอ

"1:11"

ถ้าเธอยังอยากก้าวเดินไปด้วยกัน
ขอให้เธอเชื่อมั่นและไว้ใจ
ฉันพร้อมจะก้าวเดินไปกับเธอเสมอ

Apr 25, 2009

Knowledge จับตัวเลขมาตัดแบ่งยังไงให้ได้ผลคูณมากที่สุด?

เมื่อต้นเดือน ได้มีโอกาสไปเป็นพี่ค่ายโอลิมปิกฟิสิกส์ดาราศาสตร์
เจอน้องกวนๆ คนนึง เป็นคนที่ต(ร)งมากๆ ได้ฝากคำถามมาว่า

"ถ้านำเลขจำนวนเต็มบวกมาเขียนในรูปการบวกของจำนวนเต็มบวก
แล้วเอาจำนวนที่กระจายนั้นมาคูณกัน ทำยังไงให้ได้ผลลัพท์มากที่สุด?"

อันนี้ไม่เคยทำ แต่จำได้ลางๆ ว่าเห็นผ่านๆ ใน My Math เลยตอบว่าทำได้
คุณน้องเลยตั้งคำถามต่อไปว่า "ถ้าขยายขอบเขตเป็นจำนวนจริงหละ"

คำตอบแรกที่แว๊บขึ้นมาในใจทันทีเลยคือ มันต้องเกี่ยวข้อกับค่า e แน่ๆ
แต่ด้วยความขี้เกียจ+ค่ายจัดบนดอยอินทนนท์ จะให้ขบปัญหาก็กระไรอยู่
ไปเที่ยวดอยให้สนุกดีกว่า (แม้จะมาเป็นรอบที่สี่ของปีนี้แล้วก็ตาม)

หลังจากลงดอยเสร็จ ก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย ...จนได้ไปฟังโปรเจค JSTP
ตอนนั้นอยู่ในอารมณ์ไหนไม่รู้ สงสัยเซ็งที่ฟังเด็กพรีเซนท์ไม่รู้เรื่องมั้ง
ก็แว๊บนึกถึงโจทย์ข้อนี้ขึ้นมาได้ เลยทดลองหาคำตอบตรงนั้นเลย
(นักคณิตศาสตร์เค้ามีแต่นั่งพิสูจน์ ไอ่นี่นั่งทดลอง 555)
(บ่นอีกนิด เซ็งมากลืมเครื่องคิดเลข ส่วนมือถือคิด ln ได้ แต่ไม่มี e ให้ใช้)

สรุปว่า ทดลองยังไม่ทันเสร็จ ก็ต้องได้ฤกษ์กลับบ้านซะก่อน
เลยมาทำต่อที่บ้าน คราวนี้ได้ใช้ Excel แล้ว ง่ายขึ้นมากๆ เลย ^^
ทดลองเสร็จก็มานั่งพิสูจน์ต่อ ดังนี้

ก่อนอื่น แบ่งจำนวนจริงบวกเป็นสองส่วน ผลคูณที่มีค่ามากที่สุดหาได้จาก
ให้ m2(k) = k (n-k) เป็นฟังก์ชันผลคูณของเลขที่แบ่งส่วน
โดยให้ n คือจำนวนจริงที่ต้องการแบ่งส่วน
และ k คือตัวแปรที่ใช้เพื่อแบ่งส่วนจาก n
d/dx[m2(k)] = n - 2k
0 = n - 2k
k = n/2
หมายถึง เมื่อต้องการให้ได้ผลคูณมากที่สุด ต้องแบ่งทั้งสองสวนนี้เท่ากัน
ซึ่งสำหรับการแบ่งมากกว่าสองส่วน พิสูจน์ได้ในทำนองเดียวกันครับ ^^"
(ไม่ลงพิสูจน์ไว้ละ มันยาก+ยาว+ขี้เกียจ+ยังไม่ได้ลองทำ ...เอ๋ ยังไงเนี่ย)

หลังจากที่ทราบวิธีแบ่งส่วนที่ดีที่สุดแล้ว คำถามต่อมาคือแบ่งกี่ส่วนดี?
ทำได้โดยกำหนดสมการ mx(k) = (k/x)x
โดยที่ x คือจำนวนส่วนที่ต้องการแบ่ง
d/dx[mx(k)] = (k/x)x(ln(k) - ln(x) - 1) ดิฟยากหน่อย เพราะมีพจน์ xx
0 = (k/x)x(ln(k) - ln(x) - 1)
e = k/x
แปลเป็นภาษาชาวบ้านๆ ก็คือ แบ่งให้แต่ละส่วนมีค่าเท่ากับ e นั่นเอง

แต่ในความเป็นจริงนั้น จำนวนจริงทุกตัวไม่ได้หาร e ลงตัว
ตรงนี้ก็ไม่ยากอะไร จาก x = n/e ได้ค่ามาเท่าไหร่ก็ปัดให้ใกล้ค่านั้น
ที่ต้องระวังคือ เมื่อหลังจุดทศนิยมมีค่าประมาณเลข 5 ต้องตรวจสอบให้ดี
เช่น x = 1.48 ปัดลงไม่ได้ เพราะแบ่ง 2 ส่วนแล้วผลคูณมีค่ามากกว่า
ทั้งนี้ก็เพราะว่า ฟังก์ชัน ex ไม่ใช่เส้นตรง จึงแบ่งครึ่งพอดีไม่ได้

เขียนทั้งหมดด้วยความมันส์ ก็หวังว่าท่านผู้อ่านคงจะมันส์ไปด้วยนะครับ
บวกกับแอบหวังเล็กๆ ว่าผู้อ่านจะได้รับความรู้กลับไปบ้าง ซักนิดก็ยังดี เนาะ!
แล้วพบกันใหม่เมื่อไอเดียบรรเจิดอีกรอบ สวัสดีครับ ^^

Apr 10, 2009

เฉียดตาย

วันนี้โอกาสดี เพราะเป็นช่วงปิดเทอมที่เพื่อนๆ กลับมาจากต่างจังหวัด
ไม่ได้เจอกับเหล่าเพื่อนยากมานานประมาณ 175 วันเลยหรือนี่
(จำได้เพราะครั้งก่อนเป็นวันเกิดเพื่อน ...แต่เอ๋ ผิดคนหรือเปล่าหว่า ^^")
เปลี่ยนแปลงไปเยอะเหมือนกันนะเนี่ย ผมยาวขึ้น หายเกรียนไปเยอะเลย

กะว่าจะใช้เวลากับเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานานทั้งวัน
แต่ตอนเช้าก็โดนเรียกตัวไปช่วยงานที่ห้องชมรมซะงั้น
ถึงเที่ยงนิดๆ ก็โทรตามให้ไปรวมตัวกัน (เค้ารอกันอยู่หมดแล้ว)
จริงๆ ก็ไม่ได้อยากรีบไปซักเท่าไหร่หรอก อยากรอเจอที่รักของเรามากกว่า
แต่ก็ทำไม่ได้แฮะ หนังที่เพื่อนเข้าคิวซื้อไว้ใกล้ได้เวลาเริ่มฉายแล้วด้วย

พอไปถึงจริงๆ เพื่อนที่อยู่รอดันซื้อรอบถัดไปอีกสองชั่วโมงซะงั้น
ด้วยเหตุผลคือ ไม่แน่ใจว่าเราจะไปถึงทันหรือเปล่า + รอบนั้นนั่งแหงนหน้า
เอ่อ ให้มันได้หยั่งงี้สิ

ดูหนังจบก็งานเข้า เพราะที่รักโทรมาบอกให้พาเพื่อนไปโรงพยาบาล
สตาร์ทรถที่ลานจอดตอนทุ่มครึ่ง เอารถออกมาจากห้างได้ตอนสองทุ่ม
เนื่องจากติดงานปีใหม่ที่ห้างจัดขึ้น (เร็วกว่าปรกติ) ทำไมก็ไม่รู้
ดีนะที่ยังขับผ่านสนามบินได้อยู่ ไม่งั้นได้ไปติดม๊อปที่คูเมืองอีกแน่ๆ
เอ่อ ให้มันได้หยั่งงี้สิ

ลำบากใจมากจริงๆ ที่ต้องพาเพื่อนเก่าเราไปพร้อมๆ กับเพื่อนที่รัก
ไล่ให้ไปเดินซื้อของรอก็ไม่ยอมไป บอกว่าอยากเห็นหน้าคนที่โทรหา
ฮะแฮ่ม... กระผมอยากให้พวกคุณเพื่อนเก่าสุดที่รักไปด้วยกันจังเลยครับ
ถ้าไม่ติดที่ว่าพวกคุณช่างทำตัวไม่เหมาะกับการพบปะเพื่อนใหม่เอาซะเลย
แถมยังตียี้ห้อวิศวะของแท้ที่สุดแสนจะซกมกและกวงติงอีกต่างหาก
เอ่อ ให้มันได้หยั่งงี้สิ

ไปรับแล้วคนเยอะเกิน นั่งรถไปกันได้ไม่หมด
เอ่อ ให้มันได้หยั่งงี้สิ

ตอนขากลับ ขณะกำลังขับรถอยู่เลนขวาสุดของถนนแถวตลาด
อยู่ๆ รถจากทางซ้ายก็เบียดเข้ามาในเลนเราแบบไม่มองกระจกหลังเลย
รถเราที่ขับมาด้วยความเร็วเกือบๆ ร้อย กับรถที่พึ่งเคลื่อนตัวได้นิดๆ
ถ้าชนกันแล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าสภาพจะเป็นอย่างไร

ในหนังส่วนใหญ่ เวลาจะเกิดเหตุการณ์อะไรสำคัญๆ แบบรถเกือบชนกันนี้
เวลาดูเหมือนจะช้าลงจนหยุดนิ่งให้เราได้คิดอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะเลยเนาะ
แต่ความเป็นจริงที่ประสบพบเจอมาในวันนี้ มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลยซักนิด
เวลาไม่ได้เดินช้าลงให้ตัดสินใจอะไรง่ายขึ้นเลย (แต่ก็ดีที่ไม่เร็วขึ้นจนคิดไม่ทัน)

เราเลยบีบแตรยาวพร้อมสาดไฟใส่และเหยียบเบรก แต่ก็เหมือนจะสายไปแล้ว
เพราะระยะทางแค่ไม่ถึง 10 เมตรยังไงรถก็หยุดได้ไม่ทัน ขืนเป็นอย่างนี้ชนแน่นอน
ระยะห่างระหว่างขอบถนนด้านขวากับตัวรถที่ออกมาจากด้านซ้ายก็เหลือน้อยมาก
จนไม่น่าเชื่อเลยว่าจะผ่านไปได้พอดี 1 คัน (ตอนนี้ก็ยังไม่อยากเชื่อว่าผ่านมาได้ไง)

เราต้องรีบตัดสินใจหักหลบ ด้านขวาแทบไม่เหลือที่ว่างระหว่างรถกับเกาะกลาง
ถ้าเกิดว่าปีนเกาะกลางถนนที่ความเร็วขนาดนี้ รถลอยละลิ่งพลิกคว่ำได้เลยนะเนี่ย
ส่วนด้านซ้ายเพื่อนบอกว่าเหลือแค่นิ้วเดียว เกือบชนกับไอ้รถบ้าคันนั้นไปแล้ว
รอดมาได้อย่างปาฏิหารแท้ๆ เลยหละ

พอผ่านจุดวิกฤตินั้นมาได้แล้ว เรารู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก
ถ้ารถเกิดชนขึ้นมา เราจะบอกที่รักของเรายังไงดี (หรืออาจไม่มีโอกาสได้บอก)
ในเมื่อเค้าเฝ้าบอกกับเราทุกวันว่า "ขับรถดีๆ นะ"
แถมเราก็พึ่งบอกกับเค้าไปว่า "ดูแลตัวเองดีๆ นะ"

โง่จังเลยนะเราเนี่ย ทำไมไม่ยอมเชื่อฟังที่รักของเรามั่งนะ
แม้ว่าจากรูปการณ์แล้วเราไม่ผิดเลย แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะเป็นยังไงมั่ง
แย่จริง ยอมรับว่าขับรถกลับด้วยอารมณ์เสียโครตๆ แต่ก็ไม่น่าขับหาเรื่องเลย
เฮ้อ...

ตอนไปโรงพยาบาลนี้อึดอัดจนทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ
ที่เค้าว่าเพื่อนกับแฟนมันเลือกยาก ก็พึ่งรู้รสชาติของมันตอนนี้แหละ
แต่ไม่มีอีกแล้วหละ ที่จะยอมให้เพื่อนกับแฟนมาโคจรมาพบกันอีก
และถ้ามันเกิดขึ้นอย่างนั้นจริงๆ คราวนี้ฉันจะไม่เลือกเพื่อนอย่างพวกนายแล้ว

Mar 28, 2009

เล่นเกมกันๆ - GROW TOWER

เมื่อหลายวันก่อน ได้โคจรไปเล่นเกมที่เว็บประจำ
อึ่ม... มีเกมใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาเยอะมากเลยแฮะ
ช่วงนี้ว่างๆ อยู่พอดี ก็คงทำเฉลยไปเรื่อยๆ ครับ

สำหรับตอนนี้ เป็นเรื่องของการสร้างหอคอยสูงๆ
เพื่อที่จะไปเปิดไฟดวงอาทิตย์ ส่องสว่างให้โลกใบนี้
ไม่ยากครับ มีแค่ 5 ตัวเลือกเอง (น้อยกว่ามินิบางอันอีก)
5! = 120 ดูเหมือนเยอะ แต่พอเข้าใจลำดับแล้วง่ายจริงๆ

GROW TOWER มาสร้างหอคอยที่สูงที่สุดกันเถอะ

!!! Spoiler warning !!!

4. แผ่นดิน


5. กระถาง


2. โถเหลือง

6. แมงสองสี
1. กล่องดำ


3. อิฐบล๊อก


End of spoiling.

เล่นเกมให้สนุกนะครับ ^^

Mar 17, 2009

ซ้อมเบาๆ ร้องเกะดังๆ

วันนี้ตื่น 9 โมงเช้าเพราะคนที่คิดถึงโทรมาปลุก
ดีใจจังเลยที่ได้ยินเสียงเธอเป็นคนแรกของวัน
วันนี้ต้องเป็นวันที่ดีแน่นอนเลย ^^
(ถึงแม้ว่าแบ๊ตมือถือจะหมดก็เถอะนะ)

ข้าวเช้าเป็นไก่จ๊อทอด เยอะมากเลยกินไม่หมด
พอจัดแจงอะไรนิดหน่อยแล้วก็ออกบ้าน

เบนโทรมาเปลี่ยนที่ซ้อมตั้งสองครั้งแหนะ
ตอนแรกเปลี่ยนจากห้องชมรมเป็นภาคคณิตฯ
แล้วก็เปลี่ยนเป็นร้านต้นหมากล้อมที่เซ็นทรัล
อึ่ม... อ้างที่แล้วเปลี่ยนๆ แบบนี้ มีอะไรแน่เลย ^^"

แล้วก็เป็นจริง เพราะว่าวันเกิดแบงค์ใกล้เข้ามาละ
ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเป็นวันที่ 20 นี่หละมั้ง
แต่ตอนนันก็ไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากันเพราะแข่งกีฬา
วันนี้เลยว่าจะมาฉลองกันซักหน่อย

ไปถึงได้ดูพี่วันเล่นกะเบนตอนใกล้ๆ จบกระดาน
แล้วก็นั่งฟังคอมเมนต์เกม อึ่ม พี่วันก็เก่งนี่หน่า
ฟังจบก็ถึงเมนครอส คือแข่งกับพี่วันหนึ่งกระดาน
อุตสาห์โชคดีทายได้ดำแล้ว แต่ทำไม๊ต้องโดนหลอก
โดนจับกินไปกลุ่มนึง แพ้ขาดลอยไปเลย T_T

ซ้อมเสร็จบ่ายสองกว่าๆ โทรถามพี่ณัฐว่าจะไปกี่โมง
ดันบอกว่าปอยไม่ว่าง แคนเซิลซะงั้น...
เอาเหอะ อย่างน้อยก็กินเลี้ยงแบงค์ก็ได้ อิอิ

ข้าวกลางวัน+เย็นเลยเป็นพิซซ่า โปรโมชัน 1 แถม 1
สั่งถาดใหญ่ ขอบไส้กรอกอีก อือหือ 16 ชิ้นเชียวนะ
กินกัน 5 คน ตอนแรกนึกว่าจะไม่หมดซะละ
(บิวตี้แอบกินน้อย กินไป 2 ชิ้นเองอะ...)

ระหว่างที่กินพิซซ่านั้น ก็ร้องเกะที่ซิงอะลองไปด้วย
รู้สึกว่าเพลงนี้เพราะเป็นพิเศษแฮะ


โลกหมุนด้วยความรัก จาก Crescendo อัลบัมแรกเลยหละ



ถึงซับซ้อนแต่สวยงาม ทั้งขื่นขมและอมหวาน
แม้สับสนอยู่เหมือนกัน แต่ฉันยังพอใจ
ร้อนก็ร้อนอยู่เดี๋ยวเดียว เดี๋ยวก็ซึ้งก็สดใส
ทุกโชคร้ายก็หายไป รักให้ครบทุกอย่าง


...อึ่ม ซับซ้อนจนไม่รู้จะว่ายังไงเลยหละ ^^"
แต่ก็รู้สึกดีนะ ใช่ รู้สึกดีแม้จะมีทุข์บ้างในบางครั้งก็เถอะ
เพราะเมื่อผ่านทุกข์ไปได้แล้ว ความสุขมากมายยังรออยู่

(*) เจอมาร้ายดียังไง แต่ใจก็ยังต้องการ
ในทุกทุกวัน โลกหมุนด้วยความรัก


แม้ว่าจะเคยเจ็บปวดมาบ้าง แต่ก็ยังคงรักอยู่
เพราะว่าโลกนี้หมุนด้วยความรักจริงๆ แหละ

มีอีกหลายต่อหลายคน เขาอดทนก็เพื่อรัก
รักผลักดันให้รู้จัก ให้หาหนทางใหม่
ฉันจะล้มตั้งหลายที ดีที่รักมาฉุดไว้
รักสร้างสรรสิ่งมากมาย และหลอมละลายทุกหัวใจ ...ซ้ำ(*)


ขอบใจมากๆ นะ ที่อดทนหลายสิ่งเพื่อฉันมาตลอด
ขอใจมากๆ นะ ที่ช่วยฉุดฉันขึ้นมาหลายต่อหลายครั้ง

(**) ความรักเปรียบเสมือน เหมือนอากาศ
ที่มันช่วยหล่อเลี้ยง ให้ทุกชีวิตได้คงอยู่
มีลมหายใจ โลกจึงยังงดงาม
~
หากว่ายังมีรัก ชีวิตยังมีหวังรออยู่
ยังอุ่นหัวใจ โลกหมุนด้วยความรัก


ยังสงสัยอยู่ว่า ถ้าไม่มีรักแล้ว ชีวิตฉันจะเป็นยังไงบ้าง
เชื่อแล้วจริงๆ ว่า โลกนี้หมนุได้ด้วยความรัก ^^


ผ่านมาตั้งนานแสนนาน แต่พึ่งจะซึ้งสุดใจกับเพลงนี้เป็นครั้งแรก
หัวช้าจังเลยเนาะ เราเนี่ย ^^"

ร้องเกะเสร็จก็ไปส่งบิวตี้ที่บ้านทางดอยสะเก็ด
กลับถึงบ้านสองทุ่มนิดๆ จัดกระเป๋าเตรียมเดินทาง
ไม่ได้อยู่เชียงใหม่ตั้งนาน จะมีใครคิดถึงเราบ้างน้า

Mar 16, 2009

สุโขทัย-อาหารเป็นพิษ

วันศุกร์ตื่นขึ้นมาตอนเที่ยง จำไม่ได้แล้วข้าวเช้า (?) เป็นอะไร
อย่าว่าแต่จะจำให้ได้เลยว่าคืออะไร กินหรือเปล่ายังไม่แน่ใจเลย

วันนั้นเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนเดิม ทำคอมเพลินเลย
ใกล้สี่โมงเย็นเวลาเลิกงานก็จัดกระเป๋าเตรียมตัวไปสุโขทัย
คราวนี้ไม่ลืมเอาอะไรไปแน่นอน ^^ (คราวก่อนลืมแปรงสีฟัน)

พอพ่อแม่กลับมาถึง เตรียมตัวอีกแป๊ปนึง ก็ได้ฤกษ์ออกบ้าน
ตอนแรกก็คิดกันว่า จะไปกินโน่นกินนี่ดี (เพราะกว่าจะถึงก็คงดึก)
แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการแวะเข้าเซเว่นหาไส้กรอกมารองท้อง

ขับรถออกเมืองเชียงใหม่ไปได้พักนึง ก็แวะร้านขนมบ้านอาจารย์
ตกแต่งร้านได้สวยงามมาก ไม่น่าเชื่อว่าสาขาแรกจะเล็กนิดเดียว

แล้วก็นั่งดูทางไป 3-4 ชั่วโมง ท่าทางว่ารอบหน้าอาจได้ขับละ
ถึงสุโขทัยราวสามทุ่มครึ่งเห็นจะได้ แล้วก็ไปกินผัดไทยที่โต้รุ่ง

กินเสร็จก็ขับรถเข้าไปเป็นที่โรงจอดรถประจำตัว (เรียกซะเวอร์)
ไม่ใช่อะไรหรอก บ้านที่สุโขทัยไม่มีโรงจอดรถ เปิดมาก็เจอถนนเลย
ไอ่โรงจอดรถที่ว่าเนี่ย ที่จริงก็คือโรงจอดรถการไฟฟ้าที่อาทำงานอยู่
อ๋อ พ่อให้ขับจอดเอง หวาดเสียวมากเลย แต่ก็จอดได้ปลอดภัย

แล้วก็เดินกลับมาอาบน้ำเข้านอนที่บ้านม่าตอนสี่ทุ่มกว่า
เพราะว่าพรุ่งนี้ต้องรีบตื่นแต่เช้าไปช่วยงานขึ้นบ้านใหม่

แต่ก็ยังแอบหวังอยู่นะว่าจะโทรมามั้ย
คิดถึงจังเลย
sms ที่ส่งไปจะได้รับมั้ยนะน้า...



วันเสาร์ตื่นขึ้นมา 8 โมง อาจจะไม่เช้าสำหรับใครหลายคนหรอก
แต่นับว่าเป็นการตื่นนอนที่เช้าที่สุดของเดือนนี้เลยหละ >.<

จำไม่ได้อีกแล้วว่าข้าวเช้าเป็นอะไร (เริ่มสนใจอาหารน้อยลงทุกขณะ)
กินเสร็จก็ออกไปช่วยงานบ้านใหม่ ...ไม่มีอะไรมาก เสริฟน้ำ รับแขก

แล้วพระก็มาทำพิธี นั่งจนเมื่อยเหมือนกันแฮะ ^^"
เสร็จเรียบร้อยก็กินข้าว กับข้าวหลายอย่างมากเพราะเป็นโต๊ะจีน
แต่เหมือนจะคาดคะเนจำนวณแขกที่จะมาผิดไปเยอะโขแฮะ
เพราะเหลือว่างตั้ง 4 โต๊ะ (โต๊ะนึงนั่งได้ถึง 8 คนเชียวแหละ)

หลังจากแขกกลับหมด ก็ทำพิธีประจำครอบครัวคือ ถ่ายรูปหมู่ ^^"
ปรกติแล้วการถ่ายรูปหมู่ของครอบครัวจะเป็นอะไรที่ลำบากมาก
เพราะคนเยอะ แถมยังมีเด็กบ้ากล้องกับเด็กกลัวกล้องอีก เฮ้อ

แต่คราวนี้ง่ายขึ้นเยอะ เพราะญาติพี่น้องหลายคนติดงานมาไม่ได้
...ไม่รู้สิ แม้จะถ่ายรูปง่ายขึ้น แต่เหมือนอะไรบางอย่างขาดหายไปแฮะ

พอถ่ายรูปเรียบร้อยก็จัดแจงทำบ้านให้เป็นเหมือนเดิม
ไม่ว่าจะย้ายโต๊ะเก้าอีกกลับตำแหน่งเดิม จัดทีวี เก็บกวาดเช็ดถู
ระหว่างนั้นมือถือก็โดนยึดโดยน้องชายไปเล่นเกมตามระเบียบ
เล่นจนแบ๊ตหมดเกลี้ยงเลยหละ...

ตกเย็น ก็กินโต๊ะจีนที่เหลือจากตอนเที่ยง เรียบร้อยแล้วก็กลับบ้านม่า
สิ่งที่ทำเป็นอย่างแรกคือชาร์ตแบตมือถือ เผื่อว่าคนที่คิดถึงจะโทรมา
แม้ว่าปรกติแล้วจะไม่โทรมาเวลานี้ก็เถอะนะ

ตอนดึกหน่อย พึ่งนึกได้ว่า วันนี้เป็นวันสำคัญนี่หน่า...
ตายหละหว่า ช้าไปมั้ยเนี่ย ที่มานึกออกเอาซะดึกป่านนี้
อย่างแรกคือ วันนี้เป็นวันเกิดไอน์สไตน์ (Einstein สะกดผิดทุกที)
อย่างที่สอง วันนี้เป็นวันไพน์ (3.14 เขียนแบบมะกันเดือนก่อนวัน)
อย่างที่สาม วันนี้เป็นวันไวท์เดย์! (หนึ่งเดือนหลังวันวาเลนไทน์)

โถ่เอ๋ย... ทำไมถึงไม่ได้อยู่ด้วยข้างๆ เธอในวันนี้นะ...
จะ sms แต่เพราะเปลี่ยนมือถือใหม่ข้อความเก่าสวยๆ เลยไม่เหลือ
เลยต้องได้มาออกแบบรูปเอง กว่าจะทำเสร็จก็งงไปหลายรอบ
ไวท์เดย์ทั้งที ส่งได้แค่ KitKat ...เฮ้อ

พอเข้าห้าทุ่มกว่าๆ ก็เกิดปวดท้องอย่างบอกไม่ถูก
ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร แต่สุดท้ายเรื่องที่ไม่อยากให้เกิดก็เกิด
อาหารเป็นพิษ T_T

ไม่ได้นอนทั้งคืน...
ไม่มีเกลือแร่ติดบ้านไว้อีก...
ทรมานจริงๆ เลย

สิ่งที่คิดตอนนั้น ฉันต้องมีชีวิตรอดกลับไปให้ได้ (เวอร์จังเนาะ)
ไม่อยากให้คนที่รักเราต้องมาเสียใจ ถ้าเราต้องจากไป



มีสติพอที่จะรับรู้เรื่องราวต่างๆ ได้ก็ปาไปตอนเที่ยงของวันอาทิตย์
พึ่งจะได้กินน้ำเกลือแร่แก้วแรก กว่าจะหายเพลียก็อีกหลายชั่วโมง

ก่อนกลับเชียงใหม่ชั่งน้ำหนักดู ลดไปถึงสองกิโลเชียว!
อยากลดน้ำหนักนะ แต่ไม่อยากลดด้วยวิธีนี้ซะหน่อย - -"

ขากลับเลยนอนตลอดทางเลย แม้ว่าทั้งวันจะนอนมาเยอะก็เถอะ
พอถึงเชียงใหม่ก็แวะร้านข้าวตัม กว่าจะได้กินอีกมื้อนี้รอเป็นวัน
กินได้น้อยกว่าเดิมมากๆ ข้าว 1 ถ้วยยังเกือบไม่หมดเลย

กลับมาถึงบ้านก็นอนซมไปอีกหน่อย แล้วก็มีโทรศัพท์เข้ามา
^^ นึกว่าจะไม่มีเสียงคุยซะแล้ว ดีใจจังที่ได้ยินเสียงอีกครั้ง



วันจันทร์ตื่น 9 โมงเช้า (การตื่นมันสลับเป็นคาบๆ จริงๆ ด้วย)
รู้สึกยังไม่อยากขยับไปไหนมาไหนมากเลย เลยเล่นเกมในมือถือ
พอสิบโมงก็ลงมากินข้าวเช้า ขอบคุณคุณแม่ที่รู้ใจทำต้มจืดไว้ให้

วันนี้ลองมาจัดการกับอัลบัมรูปดู ทำไมมันวุ่นวายหยั่งงี้เนี่ย เฮ้อ
ยังไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย ก็หมดไปอีกวันละ...
ที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะทำให้เสร็จ ก็เหมือนจะยังไม่เสร็จซักอย่าง
กลับมาจากอะตอมเกมต้องเริ่มเคลียร์แล้วหละ

คิดถึงนะ อยากเจอมากๆ ด้วย
กลับมาแล้วไปอ่างแก้วกันเถอะ ^^

Mar 13, 2009

ค่ายโอวันที่สี่ เตรียมตัวก่อนสอบ

แล้ววันนี้ก็ตื่นสายจนได้ ยังดีที่ไม่เลยเที่ยงแฮะ
หลังจากทำโน่นนี่นิดหน่อยพร้อมกินข้าวเช้าแล้วก็ไปค่าย

วันนี้ไปถึงค่ายเร็วที่สุดเลย คือบ่ายโมงตรงเป๊ะ
นั่งฟังอาจารย์+ดูน้องไปได้หน่อยนึงแล้วก็หลับ >.<
แต่ก็หลับไม่ลงหรอก รู้แต่ว่าอยากฟุ๊บหน้าลงกับโต๊ะแค่นั้น

พอตื่นขึ้นมาอีกที อึ่ม... เกมที่พี่ภูเล่นอยู่น่าสนใจดีแฮะ
ประจวบเหมาะกับที่พี่ฟลุ๊กรู้ว่าเกรดออกแล้ว เลยชวนพี่ภูไปดู
เราก็ไม่รอช้า รีบเสนอหน้าเล่นเกมต่อให้ทันที่ ^^

...เล่นเพลินจนลืมกินเบรกไปเลย - -"

แล้วก็รู้สึกอยากดูเกรดมั่ง เลยลงไปข้างล่างหาเน็ตต่อ
ยังไม่ทันถึงไหน ใต้ตึกมีเพื่อนๆ รุมโน้ตบุกส์กันเต็มเลย
เราก็ขอแทรกเข้าไปดูเกรดมั่ง
ก็ถือว่ายอมรับได้มั้ง ไม่ได้สวยหรูมาก แต่ก็ไม่แย่จนรับไม่ได้
อีกอย่าง ถ้าเทียบกับเวลาอ่านหนังสือแล้ว ได้ขนาดนี้เลยหรอ

ข้าวเย็นเป็นต้มจืดกับลาบหมู เผ็ดอีกแล้ว แต่ก็กินได้ อร่อยดี
ดึกวันนี้สอนน้องทำกล้องแบบเดียวกับที่ผ่านมา 2 วันก่อน
ม.ต้นสงสัยต้องให้เวลาเยอะๆ หน่อยแฮะ สอนหลายรอบจัง

เบรกดึกคราวนี้มาตอนสามทุ่มโน่น สอนเสร็จแล้วค่อยกิน
แต่ก็ทำให้น้องๆ ได้กลับหอเร็วขึ้น น้องผู้หญิงไม่ต้องวิ่งกลับแล้ว
ลงมาด้านล่างเจอพี่ณัฐ คุยกันได้แป๊ปนึงก็โดนสวดเรื่องเกรด ^^"
แล้วก็ไปแย่งขนมเดวิลกินอีกนิดหน่อยก่อนกลับบ้าน

Mar 12, 2009

โดดค่ายไปรด. (หรือห้างกันแน่)

วันนี้ตื่น 9 โมงเช้า รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกบ้าน
ข้าวเช้าเป็นหมูหทอด กินบนรถตอนจอดรอไฟเขียว

ถึงบ้านเพื่อนตอน 10 โมงนิดๆ แล้วก็ไปศูนย์รด.
ตอนแรกก็นึกว่าจะต้องทำอะไรให้ยุ่งยากวุ่นวาย
แต่ที่ไหนได้ แค่เดินเข้าไปบอกเอาใบจบปี 3 ก็เสร็จ
...อึ่ม ยังไม่เสร็จนี่หว่า เพราะมิถุนาต้องไปอำเภออีก
แต่ก็ถือว่ารวดเร็วกว่าที่คิดละกัน

ยังไม่เที่ยง ยังไม่หิว แต่ก็ยังไม่อยากกลับบ้าน
เลยหัดขับรถพร้อมแวะไปเดินเล่นที่แอร์พอร์ต
เอ๋ งานรวมรุ่นหรอเนี่ย เพื่อนโรงเรียนเดินแทบชนกัน
พอถามดูจับใจความได้ว่า มาผ่อนคลายก่อนเกรดออก

ข้าวเที่ยงกินปลาทอดที่ร้านสกายลาร์ค แพงพอใช้
(เพราะอยู่ในม.แล้วสามารถกินอย่างประหยัดได้ 3 มื้อ)
แต่ที่แพงกว่าคือเดินผ่านตู้เกม แล้วเพื่อนชวนอย่างหนัก
แบงค์สีแดงๆ ละลายไปภายในหนึ่งชั่วโมง T_T

ข้าวเย็นออกมาซื้อหมีกรอบราดหน้าใส่ถุงกลับบ้าน
ไม่ได้กินมานานมากๆ แล้ว คิดถึงเหมือนกันนะเนี่ย

วันนี้กลับถึงบ้านเร็วที่สุดในรอบสัปดาห์เลยหละ
แต่ใช้เวลาขับรถนานที่สุด เพราะเป็นช่วงเร่งด่วนพอดี

วันนี้คงต้องนอนเร็วขึ้นแล้ว เพราะพรุ่งนี้อยากออกเช้าอีก
ดูซิว่า จะทำลายสมการการนอนที่เป็นกราฟรูปไซน์ได้หรือไม่

Mar 11, 2009

ค่ายโอวันที่สาม ได้ขึ้นไปชั้น 9 แล้ว

วันนี้ตื่นขึ้นมาสายมากๆ อีกแล้ว
เหมือนว่ากราฟการตื่นจะเป็นกราฟไซน์เลย ^^"

กินข้าวไก่อบเสร็จแล้วเปิดคอมจะทำงานต่อ
ดันเปิดไม่ติดแฮะ นึกว่าจะต้องส่งซ่อมซะแล้ว
ยังดีที่ตบๆ ไปหน่อยก็เลิกงอแงละ
แต่ก็ไม่ได้ทำงานอยู่ดี เพราะเดี๋ยวไม่ทันเบรกบ่าย

ไปถึงเจอน้องค่ายบ่นว่าอยากเล่นหมากรุกสากล
เลยได้ไปแอบยืมมาจากห้องชมรมที่ไม่มีคนอยู่

ตอนดึกวันนี้ได้ขึ้นไปดูดาวบนดาดฟ้าชั้น 9 แล้ว
เรื่องที่สอนก็ต่อจากเมื่อวานเลย (คราวก่อนไม่จบ)
เพียงแต่ปล่อยให้น้องลงมือทำด้วยตัวเองมากขึ้น

ดาวเสาร์ช่วงนี้เกือบสวยแฮะ เอียงวงแหวนนิดหน่อย
เสียดายที่กล้องความสามารถไม่พอ ถ่ายไม่สวยเลย

เบรกดึกเป็นขนมปังปิ้งทาเนย ^^
กินไปเยอะมากๆ อึ่มจนแทบอยากนอนขึ้นมาเลย

ขากลับ ลองขับแบบช้าๆ ดู ว่าจะใช้เวลาต่างกันแค่ไหน
คือว่าถ้าขับช้าแล้วไปได้เรื่อยๆ เนี่ย ก็ไม่มีปัญหาหรอก
แต่นี่ดันช้าแล้วอยู่เลนซ้ายที่รถหน้าขับแค่ 40 เฮ้อ...
กว่าจะถึงบ้านก็ใช้เวลาเพิ่มจากเมื่อวานอีกเท่าตัวเลย

วันนี้ไม่ไหวแล้วหละ ง่วงมากๆ
พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าอีก เพราะต้องไปทำธุระกับรด.
ไปนอนละนะ ฝันดีจ๊ะ

Mar 10, 2009

ค่ายโอวันที่สอง ขึ้นแค่ชั้น 7

วันนี้ตื่นขึ้นมา 9 โมงนิดๆ
ไม่น่าเชื่อว่าจะตื่นเช้าได้เป็นผลสำเร็จ ^^

แล้วก็ได้เริ่มทำในสิ่งที่ดองไว้มานานมากๆ
นั่นคือ ปรับปรุงบล๊อกแห่งนี้แบบยกเครื่อง!

แต่เอ๋... ทำไมมันไม่ค่อยต่างจากเดิมเลยหละ
ก็เพราะวันนี้แก้โค๊ดภาษาที่เขียนโครงเว็บก่อน
ของเก่าเป็น HTML ใช้ตารางจัดคอนเทนต์
ตอนนี้ลองใช้ CSS ทำดู ...ยากกว่าแฮะ

เอาเป็นว่าต้องลองค่อยๆ แก้ไขไปทีละนิดๆ
ไม่น่าจะเกินสัปดาห์นี้ก็เสร็จสมบูรณ์แล้วหละ ^^

ข้าวเช้าไม่กิน กินข้าวเที่ยงเป็นหมูยอนึ่ง
แล้วก็ออกไปค่ายโอตอนบ่ายโมงตรง

ไปถึงก่อนพักช่วงบ่ายนิดนึง แต่ก็อดกินเบรก
เพราะว่าเค๊กใบเตยขายดีมากเหมือนเช่นทุกปี

กลับเข้ามาในห้องเรียน น้องๆ ก็ฟังอาจารย์สอนไป
ส่วนพวกพี่ๆ หนะหรอ... 555+

วันนี้ภูภู่เกมขอนำเสนอ Crayon Physics Deluxe
เป็นเกมที่วาดๆๆ ให้ลูกบอลเด้งไปถึงดาวให้ได้
แนวคิดโครตเจ๋งเลย!

เคยเห็นการสอนฟิสิกส์ที่วาดๆ สอนได้เลยเมื่อ 3 ปีก่อน
ไม่นึกว่าจะถูกจับยัดลงมาสู่เกมถึงมือคนทั่วไปเร็วอย่างนี้
อึ่ม เทคโนโลยีมันพัฒนาไปเร็วจริงๆ

ข้าวเย็นวันนี้เป็นผัดเผ็ดหมูกับต้มจืดลูกชิ้นอะไรซักอย่าง
กินข้าวเติมพลังไปสองจากเสร็จก็ถึงเวลาสอนละ

วันนี้ขนกล้องโทรทัศน์ขึ้นไปดูดาวบนดาดฟ้าชั้น 6
ทำเลไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยแฮะ โดนตึกบังไปเยอะเลย
อากาศก็ไม่ดีด้วย ส่องดูดอยสุเทพแล้วรู้เลยว่าฝุ่นเยอะ
พระจันทร์ก็ดันสว่างเวอร์อีก เฮ้อ...
เด็กโอหนอเด็กโอ ทำไมถึงล้างอาถรรพ์ไม่ได้ซักทีน้า

แล้วกล้องตัวนึงก็ดันล๊อกขาไม่อยู่ ต้องไปเอาประแจมาขัน
เลยได้ลงไปยังที่อยู่ห้องชมรมใหม่ แต่หาของยังไงก็ไม่เจอ
มาคิดได้ว่าหลังรถมีอุปกรณ์ช่างอย่างพื้นฐานอยู่นี่หน่า
เปิดไปดู อึ่ม ประแจครบทุกไซส์เลย - -"

วันนี้สอนน้องใช้กล้องดูดาวอย่างเดียวเลย
เรื่องเส้นสายบนท้องฟ้านี้เหมือนน้องๆ จะพอจำกันได้แล้ว
สอนง่ายขึ้นเยอะเลย ถ้าไม่ติดที่เราดันลืมเรื่องกล้องไปหมด
ต้องมาคลำๆ ดูว่าตรงไหนคืออะไร ใช้ยังไง คำนวณยังไง
แต่สุดท้ายก็ถูไถไปได้รอดหละน่า

ขากลับ คราวนี้จับเวลาและความเร็วเป๊ะๆ เลย
ได้ระยะทาง 15.1 กิโลเมตรในเวลา 18:40 นาที
เดี๋ยวพรุ่งนี้จะลองขับไม่เร็วมาก แล้วจับเวลาเทียบกันดู

ดีใจจังที่ยังโทรมาหา นึกว่าจะไม่ได้ยินเสียงซะแล้ว
คิดถึงมากๆ เลยนะ ดูแลตัวเองด้วย
ไปนอนก่อนละนะ
ฝันดีนะ

Mar 9, 2009

ค่ายโอวันแรก ขึ้นหอดูดอย

เป็นอย่างนี้ทุกทีเลย ช่วงนี้
คือหัวถึงหมอนแล้ว แต่นอนไม่หลับ
กว่าจะหลับได้จริงๆ ก็ปาไปตีสามครึ่ง - -"
ชักจะกลายเป็นมนุษย์ค้างคาวไปซะแล้ว

เช้านี้ตื่นขึ้นมาเก้าโมงครึ่งได้ยังไงไม่รู้
แต่จิตใต้สำนึกมันบอกว่า ไม่ไหวแน่ๆ
เลยนอนต่อ จนตื่นอีกทีก็สิบโมงครึ่ง
แต่ก็ยังนอนน้อยกว่ามาตฐานอยู่ดีแหละน้า

กะว่ากินข้าวเสร็จแล้วจะออกไปค่ายเอง
แต่รถไม่อยู่แฮะ? คนก็ไม่อยู่...

กว่าจะระลึกชาติได้ก็ปาไปบ่ายโมงกว่าๆ
ตอนที่พ่อแม่กลับมา แล้วบอกว่าไปงานแต่ง
อ๋อ งานแต่งลูกน้องที่ทำงานรวดงานขึ้นบ้านใหม่

เลยได้ฤกษ์ออกจากบ้านตอนบ่ายสี่แทน
ไปถึงพี่ติ้มก็สอนเกือบเสร็จกันแล้ว
กินข้าวเย็นฟรี แล้วก็ขึ้นไปสอนน้องๆ บนดอย

วันนี้สอนสนุกมาก ไม่เหมือนค่ายแรกเทอมหนึ่งแล้ว
สงสัยว่าน้องๆ มีพื้นฐานมาบ้าง (แม้จะน้อยนิดก็ตาม)
แต่ก็สนุกจริงๆ แหละน้า สอนเด็กๆ เนี่ย ^^

วันนี้ดวงจันทร์สว่างเวอร์ ถ่ายรูปมาด้วยแหละ
กล้องมือถือติดเลนส์กล้องดูดาว ถูไถได้เลยนะเนี่ย
(พระจันทร์สวยแต่ดันส่องแสงบังดาวอื่นหมด เฮ้อ)

ขากลับ จับเวลาได้ 4 เพลงแรกอัลบัมบอยป๊อด
กับระยะทาง 14 กิโล (วัดจาก google earth)
เอ่อ... ขับรถเร็วเกินไปหรือเปล่าเนี่ย - -"

รู้แต่ว่าลองทดสอบความเร็ว 80 กับโค้ง 45 องศา
มันช่างน่าหวาดเสียวว่าจะหลุดโค้งจริงๆ ^^"

ถึงบ้านแล้ว ได้ข้อสรุปว่า ควรอยู่บ้านจะดีที่สุด
เพราะว่าเหลืองานที่ไม่ได้ทำอีกตั้งเยอะแยะเลย
ขืนอยู่หอหละก็ งานที่ดองไว้มันต้องเน่าแน่ๆ

ตอนนี้ขอตัวไปนอนแล้วนะ ฝันดีจ้า แล้วจะฝันถึง

Mar 8, 2009

ยังจะมีหน้ามาว่างอยู่อีกหรอ!

วันนี้ตื่นสายได้ใจมาก
คือตอนที่เข็มนาฬิกาซ้อนกันพอดี - -"
8:44 หรอ.. ผิด อะเดาใหม่ๆ
9:49 หรอ ก็ยังไม่ใช่อยู่ดี
10:55 หรอ 555+ 12:00 ต่างหาก
ลงมาได้ก็กินข้าวทันทีเลย

กะว่าจะออกไปทำค่ายแล้ว แต่ก็มัวทำโน่นทำนี่จนรู้ตัวอีกทีก็เย็นละ
(ที่จริงก็ไม่ได้ทำอะไรมากหรอก แค่ล้างรถกับดูบางรักซอยเก้าเอง)

สรุปคือวันนี้ก็ยังคงไม่มีอะไรมาก (เนื่องจากตื่นสายจนไม่ได้ทำอะไร)

เอาตารางค่ายโอฯ ดาราศาสร์ม.ต้นแปะเตือนความจำตัวเองหน่อย

7 น้องเข้าค่ายวันแรก ไม่มีเรียน แต่มีกินเลี้ยงเล็กๆ (พลาดซะแล้ว)
8 ตอนดึกขึ้นดอย ไปดูดาวช่วงที่พระจันทร์สว่างโครต (ทุกปี เฮ้อ...)
9-10 ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ตอนดึกเปลี่ยนสถานที่เป็นดาดฟ้าตึกแทน
11 วันหยุดของเรา (สอนแค่ภาคค่ำ) แต่น้องๆ ไม่หยุดแฮะ
12 เกือบจะโค้งสุดท้ายแล้ว วันนี้ก็ขึ้นดาดฟ้าไปดูดาวเช่นเคย
13 สอบดูดาวตอนกลางคืน ขออย่าให้เมฆเข้านะ ไม่อยากเลื่อนอะ
14 น้องๆ สอบ Data (เหมือนสอบ Lab แหละ)
15 น้องๆ สอบทฤษฎี สอบเสร็จแล้วก็ไปปล่อยผีกัน 555+
16 ได้เวลาเที่ยวแล้ว เย่ๆ (เหมือนกลับเป็นเด็กเลย มีทัศนศึกษาด้วย)
17 น้องๆ เดินทางกลับกันแล้ว จะคิดถึงพี่บ้างหรือเปล่าน้า?

ตอนแรกไปดูหอในไว้ เพราะต้องทำค่าย อยู่หอน่าจะสะดวกดี
แต่เหมือนว่าจะสื่อสารกับลุงหอไม่รู้เรื่อง แถมยังเซ็งๆ อีก
ก็ไม่รู้ว่าจะได้ที่นอนเป็นที่ไหนกันแน่?

แต่ยังไง ก็ยอมได้ทุกอย่าง เพื่อค่ายที่เรารักที่สุดแหละ ^^
ไปนอนละนะ ฝันดีจ้า

Mar 7, 2009

ว่างๆ วันสุดท้ายแล้วหละ

วันนี้ตื่นเก้าโมงครึ่งด้วยความหิวอย่างรุนแรง!
เลยรีบคุ้ยตู้เย็นหาอะไรง่ายๆ เร็วๆ ทำกิน
สิบสองนาทีก็มีติ่มซำร้อนๆ มาทุเลาความหิวไปได้

เฮ้อ... ไม่เคยรู้สึกหิวข้าวเช้าอย่างนี้มากก่อนเลย
หรือว่าจะเนื่องมากจากเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ
เลยมัวแต่จับมือถือมาเล่น จนเวลาปาเข้าไปตีสาม

ง่วงจังเลยแฮะ ได้นอนน้อยๆ อย่างนี้...

ข้าวเที่ยงวันนี้เป็นไก่ผัดขิง แกงลูกชิ้นปลากราย
ก็อร่อยดีนะ เผ็ดนิดๆ พอกินไหวอยู่ ^^
กินเสร็จแล้วก็จัดการไฟล์ต่อเหมือนเดิม

ตกเย็นคนงานก็ทำหลังคาเสร็จพอดี
จะได้จอดรถแบบไม่โดนแดดโดนฝนซักที

แล้วพ่อก็กลับมาพร้องข้าวหลามหนองมน
โอ้... พึ่งจะรู้นะเนี่ย ว่าแวะไปจนถึงชลบุรีเลยแฮะ
ด้วยจำนวนอันมากมายของมัน ทำให้มีงานประจำขึ้น
คือแจกจ่ายของฝากนี้ไปให้เพื่อนบ้านและคนรู้จัก

เนื่องจากคนรู้จักเยอะ (ไปหน่อย) บางหลังก็ไกลเป็นกิโล
เลยได้ออกไปปั่นจักรยานเล่นหลังจากที่ไม่ได้ปั่นมานาน
ก็สนุกดีแฮะ ถ้าจักรยานสมบูรณ์กว่านี้คงปั่นทุกวันแน่ๆ

กลับมาบ้านเกือบมืด ก็กินข้าวมื้อดึกในทันที
กับข้าวเป็นต้มยำกุ้ง กับยำผักบุ้งกรอบ

เฮ้อ... ไม่น่าบ่นว่าอยากกินยำผักบุ้งกรอบเลย
เพราะพ่อพึ่งกลับ เลยไม่อยากขับรถไปกินข้าวนอกบ้าน
แม่เลยจัดจัดแจงสั่งกับข้าวร้านที่เราหลีกเลี่ยงมาตลอด
มื้อนี้ก็ลงเอยด้วยความเซ็งๆ ไปโดยปริยาย

ตกดึก มี SMS จากคนที่รอคอยด้วยความคิดถึง
เขียนว่า "กรุณาโทรกลับ..." อ้าว ตังค์หมดหรอกเหรอ
สงสัยว่าส่งมาดึกไปหน่อย แถมชนกับช่วงที่อาบน้ำพอดี
ยี่สิบนาทีต่อมาจึงได้โทรกลับไปใหม่ ...ไม่รับซะแล้ว
เฮ้อ...

คิดถึงมากๆ เลยนะ อยากได้ยินเสียงซักนิดก็ยังดี
บอกกับฉันว่าเธอสบายดี ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง
แล้วเมื่อไหร่ที่เราจะได้พบเจอกันอีกนะ
ฉันจะรออย่างใจจดใจจ่อเลยหละ
ก็เพราะใจมันรักเธอนี่หน่า~

แต่วันนี้ลืมตาไม่ไหวแล้วหละ
ขืนยังนอนน้อยอีก มีหวังได้ไปกินไม้ไผ่แช่แข็งแน่ๆ
วันนี้ก็คงต้องไปนอนแล้วหละนะ

ฝันดีนะ
แล้วเค้าจะฝันถึง

Mar 6, 2009

ว่างๆ ก่อนจะไม่ว่างแล้ว!

วันนี้เกิดเหตุสุดวิสัย (ด้านการนอน) นิดหน่อย
เลยทำให้ตื่นขึ้นมาตอนสิบเอ็ดโมงกว่าๆ

ข้าวเช้าวันนี้เป็นไก่สำเร็จ อบไมโครเวป 2 นาที
กินเสร็จก็เสต็ปเดิม เปิดคอมอัพรูป...

..

.

เน็ตเน่า T_T

เฮ้อ...

แต่ก็ไม่เป็นไร ทำอย่างอื่นแทน (งานยังเหลือเยอะ)
ลำดับต่อมาคือ จัดการกับเพลงทั้งหลายในเครื่อง
แค่เพลงคลาสสิกก็กินที่ไปเป็นยี่สิบจิกกะไบต์ละ
จับมาจัดเรียงให้เรียบร้อย + แปลงไฟล์ให้เล็กลง
แป๊ปๆ หมดเวลาไปอีกหนึ่งวันละ

ข้าวเย็นวันนี้เป็นผัดถั่วลันเตาฝีมือคุณแม่อีกเช่นเคย
ก็ยังคงไซ้กินเนื้อหมูมากกว่ากินผักอีกละ ^^"

ตกดึกมา ลองเข้าเน็ตอีกที
โอ๊ะ เข้าได้แล้ว
เลยนั่งอัพรูปที่เหลือต่ออีกจนครบหมด
(แต่ยังไม่ได้ตั้ง Public เลยนะ ขอเลือกรูปก่อน)

รู้สึกว่าหนวดยาวๆ ขึ้นแล้วแฮะ
แต่ไม่เคยโกนหนวดก่อนนอนเลยอะ โกนตอนเช้าตลอด
ลองโกนหนวดก่อนนอนดูซักครั้งดีกว่า...

Mar 5, 2009

ว่างๆ แต่ต้องอยู่กับบ้านแฮะ

วันนี้ตื่นขึ้นมาเก้าโมงครึ่งนิดๆ
เพราะเสียงกระดิ่งที่ไม่เคยดัง
มีช่างมากมายมาทำงานที่บ้านซะงั้น

ก็เลยเปิดประตูให้ช่างมาทำหลังคาเพิ่ม
จะได้จอดรถไม่โดนแดดโดนฝนซักที ^^

ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็เปิดคอมเล่นนิดหน่อย
แล้วก็หาขนมเช้ากิน (เพราะยังไม่หิวมากเท่าไหร่)

เผลอแป๊ปเดียวเที่ยงแล้ว
แม่ซื้อข้าวกลับมาบ้านด้วย เลยได้กินข้าวมือแรก
กับข้าวเป็นหมูน้ำตกที่ไม่เผ็ดเอาซะเลย - -"

ตกเย็นอย่างรวดเร็ว หลังคาขึ้นโครงเสร็จแล้ว
คาดว่าจะเก็บงานที่เหลือเสร็จในวันพรุ่งนี้
วันศุกร์จะได้ออกไปทำอะไรซักที ^^

ข้าวเย็นเป็นปีกไก่ชุบแป้งทอดฝีมือแม่ (อร่อยมากๆ)
เสียดายอย่างเดียว คือน้อยไปหน่อย (นานๆ จะได้กินทีอะ)

ตกดึก ลองออนเอ็มดู
โห คนทักเยอะแยะเลย ไม่ได้เล่นมานานแล้วยังมีคนทักอีกแฮะ
เลยติดลม คุยกับพี่หมีและพี่ณัฐเพลิน รู้ตัวอีกทีก็ตีหนึ่งแล้ว

ไม่ไหวละ ไปนอนดีกว่า ^^
ขอให้ได้พบในฝันด้วยเถิด คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว

สรุป วันนี้ทั้งวันก็ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
นอกจากอัพรูปที่มีอยู่อย่างมหาศาลต่อไป
(ต้องอัพให้เสร็จภายในวันพรุ่งนี้เท่านั้น)

Mar 4, 2009

ว่างๆ หลังจากปิดเทอม

วันนี้ตื่นขึ้นมาสิบโมงกว่าๆ
เพราะว่ากำลังฝันดีอยู่ และไม่อยากให้ฝันนี้จบลงไปเลย

แต่สุดท้ายก็ตื่นเพราะทนความหิวไม่ไหว ^^"
ลงมากินข้าวไข่เจียว ...ง่ายดีแฮะ (ทำเป็นอยู่ไม่กี่อย่าง)
กินเสร็จก็สั่งอัพรูปที่ดองไว้เป็นภูเขา อาบน้ำต่งตัว
เพราะวันนี้นัดพี่ที่ไม่ได้เจอกันมานานไว้

ออกบ้านตอนบ่ายนิดๆ ชะแวบเข้าไปรษณีย์ในมอ
ส่งโปสการ์ดใบเล็กที่เก็บเกี่ยวได้จากถนนคนเดิน
แล้วก็ตู้ม รถครูดฟุตบาท - -"

ตกใจมากๆ อีกแล้วหรอ! แต่ก็ช่างมันเถอะ
อย่างน้อยก็รู้ละว่า เลี้ยวแคบๆ แบบตกใจไม่ดี
คราวหน้าจะไม่มีเคสนี้อีก

กว่าจะได้เข้าไปหาพี่ก็ปาไปบ่ายสี่ครึ่งแหละน้า
ได้เวลาเลิกงานพอดิบพอดี ^^
(ที่จริงมีงานให้เราช่วย แต่พอไปถึงเค้าก็ทำเสร็จกันแล้ว)

กินเส้นเย็นที่เซนทรัล วันนี้มาในมาดฝรั่งเต็มตัว
เพราะสั่งสปาเกตตี มักกะโรนี และลาซาญญา
ต่อด้วยไอติมสเวนเซน ที่พึ่งกินไปเมื่อไม่กี่วันนี้เอง

ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องกินนี้ จะกินเวลาไปถึงสามชั่วโมง
ไม่ได้เจอกันนาน มีเรื่องเล่าไม่รู้จบขนาดนั้นเลยหรอ?

หลังจากเดินเล่นอีกนิดหน่อย ก็ได้เวลาขอตัวกลับ
ถึงบ้านก่อนสี่ทุ่มนิดหน่อย แต่แม่ขึ้นนอนไปแล้ว
(อ๋อ เรื่องรถไม่บอกตอนนี้หรอก ยังไม่อยากฟังพ่อบ่น)

Jan 24, 2009

おひさしぶり~

สวัสดีความรัก
นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เราไม่ได้จับเข้าคุยกันนานๆ แบบนี้ซักที

แต่ถึงอยากคุยอย่างไร ก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดีเหมือนกัน
แม้จะได้นั่ง Time-Machine กลับไปยังห้วงเวลาต่างๆ
ถึงจะเก็บเกี่ยวเรื่องราวเหล่านั้นได้ แต่ความรู้สึกคงไม่ใช่

เอาเป็นว่า เริ่มกันตั้งแต่วันที่ชีวิตฉันเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลละกัน
...

หลังจากสอบมิดเทอมวิชาสุดท้ายเสร็จอย่างสบายใจไม่คิดอะไรมาก
เตรียมตัวที่จะปลดปล่อยชีวิตให้เป็นอิสระจากหนังสืออีกครั้ง
ไม่ได้คาดคิดเลยว่า ข้างหน้าจะมีอะไรที่น่ากลัวรออยู่

แล้วชีวิตฉันก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
จากชีวิตอิสระไม่ต้องยึดติดกับอะไร
กลายเป็นต้องกลับบ้านทุกวัน

แล้วมันไม่ดีหรอ?
มันสายไปแล้วหละ

ชีวิตครอบครัวที่อบอุ่น
มันน่าจะเกิดขึ้นมาตั้งนานแล้วนะ
ไม่ใช่ว่าพอเกิดปัญหาขึ้น ถึงจะอบอุ่นได้

ไม่ไหวแฮะกับเรื่องที่เกิดขึ้น ฉันท้อแท้และหมดกำลังใจ
จะให้ฉันยืนหยัดต่อสู้ได้อย่างไร ในเมื่องความจริงนั้นโหดร้ายเสมอ
...

ณ สถานที่ซึ่งคาดไม่ถึง ใครคนหนึ่งได้มอบกำลังใจอันยิ่งใหญ่ให้กับฉัน
ฉันไม่แน่ใจว่า นี่หรือคือจุดเริ่มต้นของความรู้สึกดีๆ เหล่านี้
ไม่อาจแน่ใจเลยว่า มันจะเป็นความรักจริงหรือเปล่า?

สิ่งที่ฉันแน่ใจคือ รอยยิ้มของใครคนนั้น
ทำให้ฉันสามารถต่อสู้อยู่บนโลกที่เกือบกลมใบนี้ต่อไปได้

ไม่ได้หวังอะไรมากมาย เพราะรู้อยู่แล้วว่าคงเป็นไปไม่ได้
แค่เพียงแต่อยากได้รับกำลังใจในทุกๆ วันเท่านั้น

แต่ยิ่งนานวัน เหมือนยิ่งไม่เข้าใจตัวเอง
ไม่อยากจะบอกตัวเองเลยว่าตกหลุมรักไปแล้ว
...

ตอนนี้ไม่ได้คาดหวังอะไรเลย
เพราะคำที่พูดออกไปนั้น
ไม่เคยทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม

ขอเพียงแค่ยังอยากให้ต่อจากนี้
ยังคงมีกำลังใจที่จะต่อสู้บนโลกที่เกือบกลมใบนี้ต่อไปได้

ไม่ขออะไรมากมาย แค่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
...

บนโลกที่เกือบจะกลมใบนี้ ไม่มีอะไรดีเฟอร์เฟค
ชีวิตคนเราก็ช่างแสนสั้นและไร้ความหมายยิ่งนัก
แต่เชื่อหรือไม่ แค่ได้รักใครซักคน และทำชีวิตให้มีค่า
เพียงเท่านี้ก็ทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้นเยอะมากแล้วหละ
...

ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอีกนานเท่าไหร่ ที่จะได้คุยกันแบบนี้อีก
แต่คราวหน้า ช่วยมาแบบให้เตรียมตัวไว้หน่อยนะ
มาแบบไม่ให้ตั้งตัวนี้ ตกใจแทบแย่ ^^"

แล้วพบกันใหม่นะ ความรัก