Jul 30, 2007

アニメの日本語 ตอนที่ 4 เลขญี่ปุ่น

ความจริงก็ไม่ได้จะหว่านเขียน tag
ให้เว็บหาใน Google ง่ายหรอกครับ
แค่เขียนไปเรื่อยๆ ตามที่อยากเขียน

แต่เท่าที่ดู กว่าครึ่งหาเรื่องภาษาญี่ปุ่น
ตอนนี้ก็เลยของสนองตัญหาตัวเอง
และหลายๆ คนที่หามาจาก Google
ด้วยบทความภาษาญี่ปุ่นซักตอนดีกว่า

แต่ก่อนที่จะลุย ก็ต้องมาทำความเข้าใจกับภาษาเขียนซักนิดครับ
ภาษาญี่ปุ่น มีตัวอักษรไว้ใช้เขียน 3 แบบ คือ
ฮิรางานะ (「ひらがな」Hirigana ) ใช้เขียนคำเชื่อม คำภาษาญี่ปุ่น และเขียนช่วยอ่าน
คาตาคานะ (「カタカナ」Katakana ) ใช้เขียนทับศัพท์ต่างประเทศ และเน้นคำสำคัญ
และคันจิ (「漢字」Kanji ) เป็นตัวอักษรที่ยืมมาจากอักษรจีน ใช้เขียนคำศัพท์เก่า เขียนชื่อเฉพาะ
[และอาจจะนับตัวโรมาจิ (「ローマ字」Roumaji ) ได้อีกแบบ มีไว้เขียนเสียงให้คนต่างประเทศอ่านง่ายขึ้น]

ซึ่งเลขญี่ปุ่นที่จะลงไว้ให้ จะเขียนด้วยตัวคันจินะครับ
แล้วไอ่ตัวคันจิเนี่ย ตัวเดียวมันก็อ่านได้หลายแบบอีก
แบบหลักๆ ก็มีอยู่ 2 อย่าง คือ
องโยมิ (「音読み」On'yomi ) อ่านแบบจีน คือเสียงคล้ายของจีน ยังแบ่งย่อยๆ ได้อีก 4 แบบ
คงโยมิ (「訓読み」Kun'yomi ) อ่านแบบญี่ปุ่น คือญี่ปุ่นคิดเสียงเอง (คันจิบางตัวจะไม่มีเสียงนี้)

สำหรับคำอ่านนั้น ด้านหน้าจะเป็นแบบอง ด้านหลังจะเป็นคงนะครับ
一 (「いち」Ichi ) / (「ひと」Hito )
二 (「に」Ni ) / (「ふた」Futa )
三 (「さん」San ) / (「み」Mi )
四 (「し」Shi ) / (「よん」Yon )
五 (「ご」Go ) / (「いつ」Itsu )
六 (「ろく」Roku ) / (「む」Mu )
七 (「しち」Shichi ) / (「なな」Nana )
八 (「はち」Hachi ) / (「や」Ya )
九 (「きゅう」Kyuu ) / (「ここの」Kokono )
十 (「じゅう」Juu ) / (「とお」Too )

เลขเกินกว่าสิบก็เอามาต่อๆ กันครับ (ตามเซนส์นั่นแหละครับ)

เลขทั้งหมดนี้ ก็ฟังมาจากหลายเรื่องหละครับ
อย่างฮิคารุ ( ヒカルの碁, Hikaru's Go ) ที่ ご (ห้า) ออเสียงเหมือน 碁 (หมากล้อม)
โชบิท ( ちょびっツ, Chobits ) ก็ตอนที่ซุโมโม่นับเลขออกกำลังกาย
สตอฯ ( ストロベリー・パニック!, Strawberry Panic! ) ก็ตอนที่เล่นนิ้วมวยปล้ำ
แล้วก็เรื่องอื่นๆ อีกมากมายครับ

หวังว่าคงจะได้รับความรู้ไปเต็มอิ่มนะครับ ^^
แล้วเจอกันใหม่คราวหน้าครับ ではまたね

Jul 27, 2007

Moon River

วันนี้อัพ 2 ตอนติดเลยครับ ^^"
(ไม่อยากเอามารวมเป็นเอนทรีเดียวอะครับ
ถ้าอ่านเอนทรีโน้นแล้วคงเดาออกว่าทำไม)

หยุดหลายวันติดกันนี้ ถ้าว่างพอ
อาจจะเขียนได้อีกซักเอนทรีครับ
ยังไงก็ติดตามละกันครับ

เริ่มฟังเพลงกันเลยดีกว่าครับ



Moon River, wider than a mile,
I'm crossing you in style some day.

เพลงอันโด่งดังของแอนดี้ วิลเลียมส์
ผมได้ยินครั้งแรกจากซีรีย์หนังจีน
(เพลงจีนก็มีให้เลือกใช้ตั้งเยอะเยะ
แต่ดันเอาเพลงอังกฤษไปประกอบ)

ว่าไปแล้ว ไม่น่าลืมเพลงคุ้นหู้พลงนี้เลย
แต่จนแล้วจนรอด ก็ดันลืมซะได้ T_T
สงสัยตอนรู้ชื่อเพลงนี้ง่ายไปหน่อย
เลยพาลทำให้ลืมไปได้ง่ายเช่นกัน

แล้วเมื่อไม่นาน ก็เกิดเหตุน่าปวดหัวขึ้น
คือชื่อเพลงมันติดที่ริมฝีปาก
เล่นเอาหลับไม่ลงไปทั้งคืนเลยนะเนี่ย

จนต้องลุกมาหาในเน็ตตอนตี 2 นิดๆ
หาไปก็ไม่ใช่ง่ายๆ เพราะฮัมได้นิดเดียว
โชคยังดีที่จำชื่อคนร้องได้เลาๆ
แต่พอหาเนื้อเพลงมาแล้ว รู้สึกว่าไม่ใช่
ก็ต้องไปโหลดมาฟังอีก ทีละเพลงๆ
โชคดีหน่อย ที่เพลงนี้ติดท๊อปฮิต
เลยไม่ต้องโหลดเพลงมามากซักเท่าไหร่

กว่าจะได้นอนก็ตี 3 ครึ่ง
แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้นอนเลย

ยังไงก็หาฟังกันให้ได้นะครับ ^^

ดนตรี ใกล้ตาย

เคยมีการ์ตูนเรื่องหนึ่งเขียนไว้ว่า

When I was young, I loved to listen to rock 'n' roll on the radio!
As my tasted matured, I switched to jazz!
After a while, I learned to appreciante classical music!
Then, as I grew older, all I listened to was talk radio!
Now I prefer the best sound of all...
Silence!

(ไม่ขอแปลนะครับ ง่ายๆ ได้ใจความ)

รู้สึกว่าช่วงนี้ ผมจะจับแผ่น Classic บ่อยเป็นพิเศษ
ไม่ใช่ว่าแนวอื่นไม่สนุกนะครับ ยังคงฟังได้เรื่อยๆ

อย่างที่ผ่านๆ มาผมก็ยุ่งกับ Jazz ไปปีครึ่ง
โดยเริ่มจากหนังเรื่อง Swing Girls

ก่อนหน้านั้นก็ลุยฟังเพลงภาษาอังกฤษทุกประเภท
จากการที่ติดรายการวิทยุเพลงต่างประเทศ

ตอนที่ยังเด็กๆ นั้นก็ฟังเพลงไทยสากล ป๊อป/ร๊อค
และเพลงไทยยุคเก่าๆ ที่พ่อแม่เปิดฟังกัน

ทุกเพลงที่ผ่านมาก็สนุกหมด
แต่จะมีซักกี่เพลงกัน ที่ตรึงใจไปนานแสนนาน

Classic เป็นหนึ่งในคำตอบตัวเป้งเลยหละครับ
ผ่านแดดฝนหลายร้อยปี มนต์เสน่ห์มิมีคลาย
ตอนนี้ผมหลงรักเพลงคลาสสิกเข้าซะแล้วครับ
เพราะเพลงมันฟังง่าย ตีความได้หลายหลาย
และที่สำคัญ ผมฟังเพลงคลาสสิกแล้วสนุก
แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่า ผมแก่แล้วด้วย...

พูดกันตรงๆ ผมว่าผม "แก่" ด้านดนตรีซะแล้ว
"แก่ประสบการณ์" หรือ "อิ่มตัว" นั่นแหละครับ

...แล้วมันดีมั้ย?
ดีก็คือ เราจะได้พักผ่อนจากเรื่องนั้นๆ ซักที
ไม่ดีก็คือ เราไม่มีแรงจูงใจในเรื่องนั้นเหลืออยู่
ภาษาชาวบ้านก็คือ "หมดไฟ" นั่นเอง

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะฟังเพลงคลาสสิก
แล้วยังรู้สึกได้ว่ามันสนุกอยู่ได้อีกนานแค่ไหน

ชีวิตด้านดนตรีของผมคงใกล้ตายแล้วจริงๆ
เสียดาย หรือว่ายินดี?


เปล่าครับ ผมไม่รู้สึกอะไรกับมันซักอย่าง

ปล.ถึงผมจะตายไปจากดนตรีจริงๆ
ผมก็จะเขียน "เพลงนี้ไม่มีลืม" ต่อ
และอาจจะเขียนเรื่องใหม่ๆ ด้วย

เพราะอย่างน้อยๆ
ผมก็เคยมีความรู้สึกดีๆ ให้กับดนตรีครับ

และก็ขอให้ทุกๆ คนมีความสุขและสนุกกับดนตรีนะครับ

Jul 21, 2007

5th โชว์รูม - ... นิลกาล ...

งานทดลองอีกครั้ง ด้วยการใช้ปากกาดำ
หมดงานนี้แล้ว ก็คงไม่ทดลองกับสีปากกาอีก
เพราะมันยุ่งยากจริงๆ เลยครับ
กลับไปใช้ปากกาโดยไม่คำนึงสีดีกว่า



Black Piano
เปียโนตัวที่น้องแจ่มเล่นในคอนเสริทวันนั้น
ตอนวาดดันใส่เพอร์สเปกทีฟเข้มไปนิดนึง
บวกกับปากกาดำไม่ค่อยดีเท่าไหร่ด้วย
ทำให้ภาพเปื้อนไปหน่อย ไม่สมดั่งที่คิดไว้
เลยต้องตัดขอบรูปออกทั้งหมด
เหลือแต่ตัวภาพเพียวๆ ดูแล้วแปลกพิกล
ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ



Black Pearl
ปากกาดำด้ามนี้ออกแดงๆ แฮะ - -"
ไม่รู้จะวาดอะไร เลยวาดทรงกลมเล่น
แล้วก็ย้อมแมวให้กลายเป็นไข่มุกซะงั้น



Black Pearl II
เรือใน Pirates of the Caribbean
พอตั้งชื่อรูปที่แล้วเสร็จ ก็คิดถึงไอ่นี่เลย
วาดนิด ละเลงหน่อย ไม่เหมือนเป็นอย่างมาก
ก็เลยต้องเปิดเน็ตหาข้อมูล แล้วเก็บรายละเอียด
อยากนั่งเรือลำนี้จังเลย



Blackboard
ใครไม่ได้เรียนกับกระดานดำบ้างครับ?
นักเรียนทุกคนก็คงต้องผ่านกระดานดำมาแล้ว
ระลึกถึงบุญคุณของเขามากๆ นะครับ ^^



Blackjack
(การพนันเป็นสิ่งไม่ดี) ไผ่แบล๊กแจ๊คครับ
คนส่วนมากไม่รู้จัก นักพนันยังลืมเลือน
รู้ไว้เรียนแค่เรียนคณิตศาสตร์ดีกว่าครับ



Black Sheep
แกะดำไม่ใช่ว่าจะอยู่ในสังคมไม่ได้!

~จบ~

Jul 17, 2007

เข้าค่าย YFCD

ยาวมากครับ ไม่ต้องอ่านก็ได้
เจ้าของบล๊อกสะใจเป็นพอ 555+

น่าเสียดายที่ไม่ได้เอาโน๊ตบุกส์ไปที่ค่ายด้วย
ก็เลยไม่ได้เขียนไดอารีประจำวัน T_T
พอมานั่งๆ นึกเอาทีหลัง ก็มักจะตกหล่น
(เริ่มเขียนตั่งแต่วันอาทิตย์ เสร็จวันอังคาร)
เสียดายความทรงจำดีๆ เหล่านั้นจัง...

เฮ้อ... ไอ่ตอนก่อนไปก็บ่นนักบ่นหนา
แต่พอกลับมา ก็คิดถึงอย่างบอกไม่ถูก
นี่แหละ เสน่ห์ของค่าย ^^

แล้วจะเริ่มที่วันไหนดีนะ... 13 ละกัน
ค่ายก่อนหน้านั้นก็ช่างมันเถอะ
ถ้าสำคัญก็จะแทรกๆ เอา



13 ก.ค. 50
ศุกร์ 13

ไปค่ายกับทั่นประธานรุ่นม.3 (ไอ่ทิไง)
ด้วยรถมอไซของมัน (ไม่ได้สนว่ารุ่นอะไร)
ถ้ามันขับรถยนต์ไปส่งนี้ก็ว่าไปอย่าง
คงจะเดินสำรวจรอบคัน 555+

ไปถึงตอนหกโมงเย็น กินข้าวที่เค้าเลี้ยง
แล้วก็เข้าห้องประชุมไปดูอีแม่ (ก้อย) สอน
(เรียกว่าอีแม่เพราะ แสดงละครเป็นแม่)

พอเริ่มๆ เบื่อ ก็เอา a day มาอ่าน
เล่มที่ 83 เรื่อง RS (ฉบับนี้ออกเร็วมาก)
(ปรกติ a day จะออกท้ายๆ เดือน -*-)
อ่านไปนิดนึง ไอเดียแล่น เลยนั่งวาดรูป

แต่ไอเดียก็หมดเร็วมากพอๆ กับน้ำหมึก
ก็เลยไม่มีอะไรให้ทำ จะคุยกับเพื่อนก็ดังอีก
เอามือถือมากดเล่น เห็นวันเกิดของพี่วิลา
ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ยังไม่ได้โทรไปเลย
ก็ลองโทรดู ปรากฏว่าพี่วิลาเลิกใช้เบอ์นี้ละ

จำได้ว่าพี่วิลาอยู่ที่หอสีชมพู เลยเดินไปหา
ออกจากยูนิเซฟสองทุ่ม ไปทางที่ผ่านอมช.
ไม่กล้าไปทางหน้าตึกคณะวิทย์ เพราะมันมืด
รู้สึกว่ามช.คึกคักมาก นักศึกษาเต็มไปหมด
สงสัยตอนเข้าค่ายโอมันเป็นตอนปิดเทอม

ก็เลยไม่รู้สึกคึกคักขนาดนี้อะ
พอเดินไปถึงหอก็งงโครตเลยๆ
ถึงจะเป็นหอหญิง แต่มันแปลกไปแล้วนะ!
"ห้ามบุคคลภายนอกเข้าหลัง 16:30 น."
ปรกติมันดึกกว่านี้ไม่ใช่หรอ?

แล้วก็ทำใจเดินกลับยูนิเซฟ
คราวนี้ไม่กลัวอะไรละ ใช้ทางสั้นที่สุดเลย
ทางหน้าตึกใหม่คณะวิทย์ที่มืดๆ นั่นแหละ
ไม่เปลี่ยวอย่างที่คิดเลยแฮะ นศ.เพียบ
พอถึงตึกคณะวิทย์ ก็เกิดคิดถึงบ้าไรไม่รู้
แลกบัตรผ่านไปชั้น 6 ห้องดาราศาสตร์
แล้วก็ดูวิวดอยสุเทพอยู่นานสองนาน
เห็นพระธาตุฯ เคียงคู่กับดาวศุกร์ด้วย

พอทำใจได้หมดแล้ว ก็กลับยูนิเซฟซักที
ไปถึงสามทุ่มครึ่ง ซ้อมละครพอดีเลย
วันนี้ซ้อมจัดตำแหน่งเฉยๆ แค่ 1 รอบ

ซ้อมได้แค่วันละรอบเพราะกินเวลาโครต
ตอนแรกๆ เลยต้องแยกซ้อมเป็นคู่ๆ
แล้วพอทุกคู่ทำได้ ก็จับมาซ้อมรวมกัน
ซึางกินเวลาครั้งละครึ่งชั่วโมงเชียวนะ!

แล้วแม่ก็มารับ ตอนสี่ทุมกว่าๆ
สงสารแม่จังเลย ต้องมารับตอนดึกๆ




14 ก.ค. 50
อาหารจานหลักคือเพลง

ตื่นนอนตอนเจ็ดโมงครึ่ง (สายที่สุดเลย)
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ปาไปแปดโมงแล้ว
ไปถึงโรงเรียนก็แปดโมงครึ่งพอดี ^^"
ดีนะที่เป็นวันเสาร์ เลยไม่เข้มงวดมาก
เรียนไปก็ยม รอไปค่ายอย่างเดียวเลย
(ลืมจัดของนิดหน่อย ก็โทรไปบอกแม่)

แม่มารับตอนเที่ยงนิดๆ
กระเป๋าเสื้อผ้าเตรียมไว้บนรถนานแล้ว
ลังเลว่าจะเอากระเป๋านักเรียนไปด้วยมั้ย
สุดท้ายก็ตัดใจไม่เอาไป หนักก็หนัก
และคงไม่ได้ทำการบ้านอยู่ดีแหละน้า

ไปถึงขอกุญแจห้องมาไว้ของชั่วคราว
ห้องอาร์ม 239 หรือเปล่าเนี่ยจำไม่ได้ละ
ห้องโครตเล็กอะ นอนกับพื้นด้วย -*-
ก็เปลี่ยนเสื้อแล้วเอาชุดนักเรียนให้แม่
เข้าห้องประชุม ดูไอ่บอลแสดงเป็นพระ

ที่จริงตอนแรกเราได้บทพระนี่แหละ
แต่ว่าบอลมันโกนหัวมาพอดี (หมาตาย)
เลยโดนตัดหน้าไปอย่างฉิวเฉียด ^^"

หลังจากนั้นก็มาคุมพาวเวอร์พอยน์
เป็นงานที่น่าเบื่อมาก แต่ก็มีสนุกนิดๆ
เซ็งนิดหน่อยที่คุมพลาด gomenasai
เฮ้อ... ถ้าได้ซ้อมซักนิดคงดีสิ

จัดการกับภาระจนหมด ก็ขอตัวออกมา
เนื่องด้วยว่าน้องแจ่มชวนดูคอนเสริท
ตอนแรกก็คิดว่าไปไม่ได้ซะละ งานเยอะ
แต่ก็หาเวลาว่างจนเจอ ^^
ขึ้นรถแดงไปถึงที่หอศิลป์ทันเวลาพอดี

คอนเสริทครั้งนี้มีนักเรียนเปียโน 3 คน
คือน้องปันปัน น้องแจ่ม แล้วก็พี่กอล์ฟ
(ไม่ใช่เรา watashi wa neizod desu)

ไปถึงก็ไม่ได้สูจิบัตร (หมด) T_T
แล้วจะรู้ชื่อเพลงได้ยังไง?
(ก็ต้องใช้ความสามารถหนะสิ อิอิ)

ฟังเอาก็จับความได้ว่า
เพลงแรกที่น้องปันปันเล่นมี 3 ท่อน
เร็ว-ช้า-เร็ว นี่หละ เปียโนโซนาต้า
เมโลดี้สดใสโครตๆ ก็โมสาทชัวร์

ต่อมาเป็นพี่กอล์ฟ คนนี้โครตเก่ง
เล่นแบบไม่ต้องมีสกอร์โน้ตวางดูเลย
แล้วก็เล่นตั้ง 2 เพลง ความจำดีโครต
เพลงแรกใช้นิ้วได้มันส์มาก = โชแปง
เพลงที่สองจับไม่ค่อยได้...

ก่อนพักครึ่ง แจ่มก็เล่นปิดท้าย
เพลงแรกฟังแล้วนึกถึงดนตรีไทย
ฟังดีๆ ออกแนวอิมเพรสชั่นซะด้วย
ก็ขอเดานักดนตรีในดวงใจ เดอบัสซี
เพลงที่สอง ไม่รู้ครับ...

พอจบครึ่งแรก เวลาก็หมดพอดี
ก็เลยรอคุยกับน้องแจ่มนิดนึง
หาคนที่มีสูจิบัตรแถวนั้น จดเพลงไว้

อันนี้คือสูจิบัตรที่ไปจดมา (นิดหน่อย)
จดไว้แค่ครึ่งแรก เพราะเวลาแทบไม่มี
และครึ่งสองก็ไม่ได้อยู่ฟังซะด้วย
(จำได้ว่าเป็น 2 piano ของ Mozart)
ทั้ง 2 เพลง พี่กอล์ฟเล่นกับอาจารย์
ท่าทางน่าสนุก เสียดายจริงๆ เลยครับ

"น้องปันปัน
Piano Sonata K332 Mozart

พี่กอล์ฟ
Ballade No.1 in G minor Op.23 Chopin
Wilde Jagd (Transcendental Etude No.8) Liszt

น้องแจ่ม
Bruyeres Debussy
Sonatine Ravel"

แล้วก็รีบหารถแดงกลับยูนิเซฟ
(ถ้าจำไม่ผิด โบกได้คันเดิมซะงั้น!)
กลับมาถึงทันเวลาพอดี (สองทุ่ม)
บวกกับเจอก้อยที่กลับจากเรียนพิเศษ
ก็เลยเดินไปที่ห้องประชุมด้วยกัน
ตามประสาพ่อแม่ (ว่าไปนั่น 555+)

สองทุ่มครึ่งก็ไปทำซึ้งกับน้องๆ
ตรงนี้ไม่เล่ามากละกัน เพราะเราก็งงๆ
พวกนั้นวางแผนอะไรกันก็ไม่รู้ -*-

ตอนที่มัดข้อมือน้องๆ ก็รู้สึกถึงระยะห่าง
สงสัยว่าเราจะใกล้ชิดกับน้องๆ น้อยไป
ก็เล่นคุมแต่คอม กับทำงานเบื้องหลัง ^^"

แต่ก็ทำใจสู้ พูดกับน้องแบบสนิทสนมไป
เพราะพี่ๆ ก็มีหลายคน (ประมาณ 20 ได้)
น้องๆ เค้าก็คงจำได้ไม่หมดอยู่แล้วหละ

พอทำซึ้งน้องๆ เสร็จ ก็โดนทำซึ้งมั่ง
(จากรุ่นเดอะกับอ.หลีนั่นแหละ)
ขอบคุณครับ พี่ๆ ทุกคน T^T

หมดรายการซึ้ง ก็ซ้อมละครตามระเบียบ
แค่รอบเดียวต่อวันนี้มันไม่อิ่มเลยแฮะ...
ยังเก้ๆ กังๆ อยู่เลยอะ T_T
ถ้าวันจริงปล่อยไก่นี้ คงไม่ต้องดูศพ
แต่ก็จะพยายามเต็มที่นะครับ!

เนยสด ไฟต์โต๊ะ!




15 ก.ค. 50
อำลาค่าย

เที่ยงคืนกว่าๆ (ดีใจมาก ได้นอนค่ายซักที)
หลังจากซ้อมละครจบ ก็ย้ายของจาก 239
ไป 339 นอนกับไอ่บอลและพี่ชมภู่
ซึ่งเป็นห้องที่ใหญ่มาก เอาว่าถ้านอนพื้นด้วย
ก็นอนได้ซัก 7-8 คนเลยหละ
แต่เค้าก็จัดไว้แค่ 2 เตียง กับ 1 โซฟา
พี่ภู่ก็ให้นอนด้วยกันหมด ไม่ต้องนอนโซฟา
ก็เลยต้องไปหาหมอนมาเพิ่ม
โดยหมอนไปเอามาจาก 340 ที่ไม่มีใครนอน
(ที่จริงเรากับบอลจะย้ายไปนอน 340
แต่พี่ภู่ดันกลัวผี เลยต้องมานอนเป็นเพื่อน)

ไอ่บอลก็อาบน้ำ แล้วก็ซ้อมสอนที่ห้องพี่โจ
เราก็สบ๊าย เปิดดูช่อง 7 (บิ๊กซีนีม่า แฮรี 3)
ซักพักปลากับปลามก็มาซ้อมละครที่ห้อง
แล้วก็เปลี่ยนเป็นชุด ไปให้พี่โจดูที่ห้อง
เราก็เลยต้องเปลี่ยนด้วย แล้วตามไปทีหลัง
แล้วก็ดันเคาะห้องผิด ที่ 341 เจอฝรั่งซะงั้น
หลังจากเดินเดินวนรอบนึง ก็เจอห้องพี่โจ
เข้าไปโชว์ชุด แล้วก็กลับมาดูแฮรีต่อ

ภาคนี้เอฟเฟกต์สวยดี แต่รู้สึกแปลกๆ แฮะ
เช่น ผู้คุมวิญญาณดูไม่น่ากลัวอย่างที่อ่าน
มนุษย์หมาป่า (ศ.ลูปิน) ดูง้องแง้งเกินไป
แผนที่ตัวกวนไม่สวยเอาซะเลย พับไปพับมา
ยิ่งตอนจบ จบได้เห่ยมากๆ (ใช้วิธีแช่ภาพ)

หลังจากดูจบตอนตีหนึ่งครึ่ง ก็เข้านอน
เบียดกันนิดหน่อย แต่ก็เปิดแอร์ไว้เย็น
ถึงกระนั้นก็นอนไม่หลับ เพราะไฟลอดเข้ามา
ไอ่เราก็จำได้ว่า ไฟนี้มือบอนเปิดไว้เองนี่หน่า
ตอนนั้นก็เห็นสวิทไฟ เลยกดเปิด กันมันมืด
พอมาตอนนี้มันทำให้นอนไม่หลับซะงั้น
เลยต้องออกไปปิดไฟซะ เพื่อการนอนที่ดี
ตอนเดินไปก็ไม่เท่าไหร่หรอก สว่างอยู่
แต่พอปิดแล้วมันมืดโครตๆ ไปเลย T_T
เดินกลับห้องด้วยความผวา ...บรือ

พอกลับมาถึงห้อง ก็โดนแย่งที่นอนซะงั้น
(ได้นอนที่สบายขึ้นอะ แต่ก็เบียดอยู่)
อธิบายหน่อยดีกว่า เพราะนอนแปลกดี
คือ เอาเตียงมาติดกัน (แปลกตรงไหน?)
แล้วตอนแรก เรานอนตรงกลาง (รอยต่อ)
พอลุกออกไปปิดไฟ พี่ภู่ก็สละที่ริมๆ ให้
นอนสบายกว่า แต่ก็กลัวตกเตียงมากกว่า
แล้วก็นอนแกล้งพี่ภู่ไปจนหมดมุข ^^"
พอได้เวลาตีสองนิดๆ ก็หลับปุ๋ย...

ตีห้าครึ่ง บอลก็ตื่นนอนคนแรก
(และรู้สึกว่าพี่ภู่จะตื่นมาปิดนาฬิกาปลุก)
มันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็มาปลุกเรา
ตื่นไปได้ไงก็ไม่รู้ 6 โมงนิดๆ (เช้ามากๆ)
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ปลุกพี่ภู่
ปลุกยากมากๆ คนอะไรก็ไม่รู้หลับดีจริง
ยากจนเกือบจะลากไปอาบน้ำให้แล้ว 555+
(รู้ซึ่งเลยว่าแม่เหนื่อยที่ต้องปลุกเราทุกวัน)
ตอนรอพี่ภู่อาบน้ำ ไอ่บอลก็เปิดช่อง 7
แต่มันก็ไม่ดูทีวี ดันอ่านนิยายเกาหลีซะงั้น
ปล่อยให้เรากลับไปเป็นเด็ก ดูเสือขาวซะ
(เป็นการ์ตูนที่มีตัวเอกเป็นเสือขาวตัวน้อย)

การ์ตูนจบเจ็ดโมง ทุกคนเสร็จกิจส่วนตัว
ก็ออกห้องไปกินข้าว แล้วเข้าห้องประชุม
ยมมากๆ รอแต่แสดงละครอย่างเดียว
พี่ภู่ก็ให้ไปเอาผ้าปูเตียงมาทำมุมแต่งตัว
เลยต้องเดินกลับห้อง (ที่แสนไกล) อีก

พอทำเสร็จแล้วก็เอา a day มาอ่าน
พี่ภู่ก็ยังนอนไม่พอ เลยมาหนุนตักนอน
มีคนมาหนุนตักนอนนี้ ดีใจจริงๆ เลย ^^
ครึ่งชั่วโมงต่อมาก็ปลุกพี่ภู่ให้ไปทำงาน
แล้วเราก็หลังตรงนั้นแหละ ง่วงมากๆ

ตื่นมาอีกทีก็เที่ยงครึ่ง ตกใจมากๆ เลย
เพราะว่าต้องแสดงละครตอนบ่ายโมง
แล้วก็ยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรซักอย่าง
แต่ก็ไม่เห็นคนอื่นเตรียมตัวเหมือนกัน
พอถามพี่โจดูแล้วก็รู้ว่าเลท ค่อยยังชั่ว

แล้วพี่โจก็ให้ทุกคนไปเก็บของที่ห้อง
เก็บเสร็จลงมาจะไปซ้อมละครอีกรอบ
แต่ว่าเวลามันไม่มีแล้ว... T_T
ก็เลยต้องแสดงละครไปทั้งอย่างนั้น
ตื่นเต้นมากๆ โครตจะตื่นเต้นเลย
แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ^^

ในเรื่องได้แต่งงานกับก้อยด้วย -*-
ควรจะดีใจดีมั้ยเนี่ย?
ถ้าเป็นจริงนี้ ได้ฟังกำเมืองจนชินแน่ๆ
(ฟังกำเมืองบ่จ้างอะ อย่าอู้นักได้ก่?)
^^"

ละครมันเศร้านะ แต่ทำไมเราไม่ร้องไห้หว่า?
สงสัยน้ำตาหายหมดตั่งแต่ก่อนเมื่อวานอีก

พอบ่ายสามโมงเย็น ใกล้ๆ จะจบค่าย
พี่โจก็เอานิทานที่แต่งมาให้ช่วยคอมเมนต์
ตัวละครหลักชื่อไอด้า ...เอ้ย! ดาร์วิด
(เรื่องนี้อ่านแล้วคิดถึงไอด้ามาทันทีเลย)
ก็เลยคอมเมนต์ไปว่า บทพูดของนางฟ้า
มันไม่ค่อยขลัง แล้วก็เสนอบทพูดแบบใหม่
ซึ่งจะคล้ายๆ บทพูดในคัมภีร์ไบเบิลหน่อย
ไม่รู้ว่าเค้าจะเอาหรือเปล่านะ... ^^"

เขียนคอมเมนต์เสร็จ ก็รู้สึกว่ามือถือหายไป
เพราะไม่ชอบเก็บมือถือไว้ในกระเป๋ากางเกง
(กระเป๋าตังค์ก็ด้วย ที่จริงก็ทุกอย่างแหละ)
ชอบเอาออกมาวางไว้ข้างๆ ตัว
แน่นอน... ไม่ต้องสงสัยว่าใคร พี่ภู่นี่เอง
แต่หลักฐานก็ไม่มี บวกกับปล่อยให้แกล้ง
ก็เลยขอยืมมือถือเจ้าตัวนั่นแหละมาโทรเข้า
มือถือเราเป็นภาษาจีนอยู่แล้ว จะทำอะไรได้

(ทำไมต้องภาษาจีน? ตอบรอบที่ร้อยแล้วนะ
เพราะมันบอกปฏิทินดวงจันทร์ได้ไงหละ...
เราก็อ่านภาษาจีนไม่ออกหรอก ใช้แค่ปฏิทิน)

โทรเข้าจนเบื่อ พี่ภู่เอาไปซ่อนไว้ไหนน้า...
เลยเอามือถือพี่ภู่มาดู แล้วก็ Fw SMS เล่น
ไม่รู้ว่าพี่ภู่รู้ได้ถึงความผิดปรกติหรือไงนะ
อยู่ๆ ก็มาบอกใบ้ที่อยู่มือถือซะงั้น ^^
จบงานนี้ได้ SMS สวยๆ เข้าเครื่องเพียบ

แล้วเวลาก็ล่วงเลยมาถึงบ่ายห้าโมงเย็น
ตอนจบค่ายนี้ก็ได้ชื่อใหม่มาอีกแล้ว เหอะๆ
(คราวก่อนก็ได้ชื่อ "พี่ไหม" มาแล้ว ^^")
คราวนี้ได้ชื่อพูนแซ๊บ (แซ๊บ & สก้อยส์)
เรื่องของเรื่องคือ เราไปแลกป้าชื่อกับพี่ภู่มา
โดยที่ป้ายชื่อของพี่ๆ แทบทุกคนเนี่ย
จะเอาอันที่เขียนชื่อน้องผิดมาใช้ใหม่อีกด้าน
(ของพี่ภู่ก็ผิด เพราะในป้ายเขียนชมพู่)
แล้วหลังป้ายพี่ภู่เขียนชื่อน้อง พูนทรัพย์
(ของเราด้านหลังก็เป็นชื่อ N'ฝ้าย)
ซึ่งเดาว่ามันผิดเพราะดันไปเขียนชื่อจริง

พอได้แลกป้ายมาใส่ตอนเก็บของปิดค่าย
ป้ายก็พลิกไปพลิกมา โชว์ด้านพูนทรัพย์
ก็โดนเรียกว่าพูนทรัพย์ไปตามระเบียบ
แต่! แต่มันยังไม่จบ เพราะติ๊กกับบี
ดันเปลี่ยนคำว่าทรัพย์เป็นแซ๊บ
โห๊ะๆๆ ดีนะเนี่ยที่คนกลับเกือบหมดแล้ว
เลยรู้ๆ กันอยู่ไม่กี่คน ^^"
(แล้วทำไมด้าน N'ฝ้ายไม่โดนล้อมั่ง?)

บ่ายหกโมงครึ่งแล้วหรอ? T_T
แม่โทรมาเรียกก่อนนี้ครึ่งชั่วโมงแล้วหละ
แต่ความรู้สึกเราคือ ไม่อยากจากไปเลย
ก็เลยอยู่ช่วยเก็บของตั้งแต่บ่ายห้าโมง
เก็บจนห้องเอี่ยมสะอาด

แต่ก็ยังรู้สึกไม่อยากจากไปอยู่ดีแหละ
อยากจะต่อเวลาแห่งความสุขนี้ไปเรื่อยๆ
อีกอย่างคือ ปรกติเรากลับเป็นคนสุดท้าย
ไม่ว่าจะงานใดก็ตาม กลับคนสุดท้ายจนชิน

แต่ถึงจะยื้ออย่างไร ก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี
ครั้งนี้เลยต้องกลับก่อนคนอื่นอีกเยอะ

รู้สึกใจปิ้วเล็กๆ
ทั้งรื่องที่ต้องจากค่าย เรื่องที่ต้องกลับก่อน
และอีกหลายๆ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในค่าย

"however, life's going on."

ขอลาแล้วช่วงเวลาอันแสนดี
จะจดจำเวลานี้ตลอดไป

ปล.ได้ตังค์ค่าทำค่ายมา 300 บาท
เอาให้แม่ไปหมดละ...




จบดีกว่าไม่อยากเล่าแล้ว
เพราะหลังจากนี้ ชีวิตก็กลับไปเดินซ้ำซาก
เหมือนกับฉายหนังที่ดูจนเบื่อแล้วซ้ำไปมา
ไม่มีอะไรน่าสนใจเป็นพิเศษอย่างนี้อีก
...อยากให้มีค่ายอย่างนี้บ่อยๆ จัง

Jul 13, 2007

Vincent (Starry Starry Night)

สัปดาห์นี้มาไวหน่อยนะครับ
เพราะเดี๋ยวจะไม่ว่างซะแล้ว
ไม่เสียเวลา ไปฟังกันเลยครับ



Starry starry night...

ถ้าฮัมเพลงนี้ได้ แล้วอยากรู้ชื่อเพลงนี้
แต่ดันใช้อินเตอร์เน็ตหาเพลงไม่เป็น

ก็คงรู้ชื่อเพลงได้ไม่ง่ายนัก

เพราะตลอดทั้งเพลง 4:03 นาทีนั้น
คำว่า Vincent ถูกร้องออกมาแค่ 2 ครั้ง

แต่ถ้าหูดีหน่อย แปลเพลงอังกฤษได้
และก็ผจญภัยในโลกศิลปะมาพอควร
ก็คงบอกชื่อศิลปินผู้นี้ได้ไม่ยากเย็น

ฟินเซนต์ ฟาน ก็อกฮ์ คือนามของเขา
แต่เราก็มักอ่านว่า แวนโก๊ะ กันอยู่เรื่อย
ก็ขอความร่วมมือตรงนี้เลยละกัน
ว่าช่วยอ่านตามสำเนียงดัตช์ด้วย

ที่จริง จะอ่านอย่างไรก็ไม่เป็นปัญหา
เพราะเขาก็ยังคงเป็นศิลปินในใจอยู่ดี

เพลงนี้แต่งโดยดอน แมดลีน
เล่าเรื่องราวประทับใจในตัวฟานก็อกฮ์
ซึ่งสุดยอดมากๆ เพียงแค่ได้ฟังเพลง
ก็รู้สึกอยากชมผลงานขึ้นมาทันที

คราวผมนี้ขอท้าให้ทุกท่านฟังเพลงนี้
และชมผลงานของฟานก็อกฮ์ไปด้วย

สวรรค์มีจริงๆ ครับ ^^

Oyasuminasai~

Jul 7, 2007

The Girl from Ipanema

หลังจากที่ตอนแรก ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ
(จากยอดผู้ลงความเห็นทิ้งไว้ = 0 คน T_T)
แต่ก็จะเขียนต่อไป เพราะมันสะใจตัวเอง ^^
ใครที่เข้ามาอยากจะดูรูปวาด หรือฟังเรื่องเล่า
ก็ทนไปก่อนละกันครับ อิอิ

เอ้า! เข้าสู่เรื่องเพลงกันซักที...



ตึ๊ง ตึงตึง ตึ่งตึ้ง ตึงตึง
(กรุณาร้องตามวรรณยุกต์)

เพลงบอสซ่าแจ๊สเพลงนี้ถูกนำไปใช้หลายที่
หลายที่มากเสียจนผมไม่สามารถแน่ใจว่า
เคยได้ยินเพลงนี้ครั้งแรกเมื่อไหร่กันแน่

แต่ผมก็ไม่เคยคิดสงสัยในเพลงนี้เลย
จนเมื่อไม่นานมานี้ ที่งานราชพฤกษ์ 2549
ผมได้ฟังโซโลแซ็กโซโฟนเพลงนี้อีกครั้ง
ประทับใจในฝีมือเค้ามากเลยครับ ^^

แต่ถ้าจะให้เดินเข้าไปถามชื่อเพลงตอนนั้น
ก็เป็นไปไม่ได้แน่ๆ (แถมเสียมารยาทอีก)
ผมเลยกะว่าจบเพลงแล้วจะเข้าไปถาม
แต่รถโรงเรียนก็ดันมารับซะได้ T_T

โชคดีหน่อย ที่จำโน้ตเพลงท่อนหลักได้
กลับไปบ้าน มีอิเล็กโทนของแม่เก่าๆ
ที่อายุยืนยาวพอๆ กับผม (เก่าจริงๆ)
ก็เอามากดๆ เล่น พอจดโน้ตไว้ได้

D AA GD AA AG
D AA GD AA AG
C AA GB GGG F G

ผมซึ่งไม่เคยเรียนดนตรีมาก่อน
ก็เลยแกะมาผิดบันไดเสียงซะ...
(แกะเพลงอื่นก็จับใส่ C Major หมด)

โชคยังดี ที่พอเอาไปถามในพันทิพ
มีคนมาตอบให้ด้วย ใจดีมากๆ เลย
ขอขอบคุณตรงนี้อีกรอบละกันนะครับ

วันนี้ก็จบเท่านี้นะครับ ฝันดีครับ ^^