May 17, 2012

ข้าวเย็น-แม่หลับรอ-ลูกกลับบ้านดึก

นอนไม่หลับ เลยตกตะกอนเรื่องตอนเย็นๆ จดเก็บไว้หน่อย เผื่อแก่ไปมีลูกเป็นวัยรุ่นจะได้กลับมาอ่านบ้าง...

ช่วงนี้เห็นโฆษณาหลายตัวเล่นประเด็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัว ตัวละครส่วนใหญ่ก็จะเป็นลูกชายกับแม่แค่สองคน (น่าสนใจมากว่าพ่อหายไปไหน ประเด็นลูกชาย-แม่มัน mass ขนาดนี้เลยหรือ?) และหนึ่งในเรื่องที่โฆษณาแทบทุกตัวหยิบมานำเสนอคือ ข้าวเย็น-แม่หลับรอ-ลูกกลับบ้านดึก



ผมก็เคยเจอกับเหตุการณ์นี้ครับ มันไม่สนุกหรอก ที่ต้องเห็นใครบางคนฟุบหลับบนโต๊ะอาหารที่เปิดไฟรอเรา ทั้งที่เค้ามีสิทธิ์เลือกสิ่งที่ดีกว่าอย่างขึ้นไปนอนเปิดแอร์บนเตียงดีๆ

คุณอาจคิดว่านี่เป็นภาพที่แสดงออกถึงความรัก ผมไม่เถียงนะ แต่คำถามคือ มันสมควรแล้วหรือ?

มันจะดีกว่ามั้ย ถ้าแม่จะขึ้นไปนอนหลับพักผ่อนดีๆ จะได้ไม่ต้องมาเจ็บป่วยทีหลังกับโรคข้อและอาการหลับไม่สนิท เก็บอาหารเข้าตู้เย็นซะ มันจะได้ไม่เสียและมดไม่ตอม ปิดไฟไปเหอะ ประหยัดพลังงานในส่วนที่ไม่ได้ใช้

คุณอาจเถียงว่าทำอย่างนี้แล้วลูกจะรู้มั้ยว่ารัก ... มันไม่มีลูกคนไหนหรอกครับ ที่คิดว่าพ่อแม่ไม่รัก ทำอย่างนี้มีแต่จะเพิ่มความอึดอัดให้ลูกซะเปล่าๆ คิดว่าตนเองเป็นภาระให้ครอบครัวต้องลำบากไปซะงั้น

คุณอาจบอกว่าวันๆ ลูกมันเอาแต่ทำงาน ถ้าไม่รออย่างนี้กว่าจะเจอหน้ากันทีก็คงเป็นสัปดาห์ละครั้ง ... ผมไม่อยากเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ ที่เค้าต้องไปทำงานต่างจังหวัดแล้วได้เจอกันปีละสอง-สามครั้งหรอกนะ แต่ลองคิดดูดีๆ ครับ เจอกันแค่สัปดาห์ละครั้งแบบมีความสุข หรือเจอกันทุกวันด้วยความรู้สึกหนักอึ้งเช่นนี้

หรือคุณอาจจะบอกว่าตัวเองแก่แล้ว เวลาเหลือน้อย อยากใช้ชีวิตอยู่กับลูกให้มากที่สุด ... รอลูกอย่างนี้ นอกจากจะเสียสุขภาพกายเพราะได้หลับไม่เต็มที่ ไปจนถึงบางทีก็ไม่ยอมกินข้าวจนกว่าลูกจะกลับ ยังเสียสุขภาพจิต มัวแต่ชะเง้อรอด้วยความเครียดว่าลูกจะปลอดภัยมั้ย ผมอยากถามกลับครับว่า ใช้ชีวิตเครียดๆ แถมยังไม่ดูแลตัวเองอย่างนี้ แล้วคุณจะอยู่กับลูกไปได้นานๆ มั้ยครับ

นอกจากนี้รู้มั้ยครับ กลับบ้านดึกอย่างนี้ ส่วนใหญ่ก็กินข้าวรอบเย็นกันมาหมดแล้ว (ไม่งั้นจะมีแรงทำงานหรือ?) แต่พอเห็นอาหารที่คุณเตรียมไว้ก็ต้องกินอีก ไม่งั้นเดี๋ยวคุณจะเสียน้ำใจ ... แล้วผลลัพท์ที่ตามมาสู่ลูกๆ ก็คือความอ้วนและกรดไหลย้อนนั่นแหละ

... ใครว่าความรักอันเปี่ยมล้นของพ่อแม่ไม่มีทางไม่ดีครับ? ลองคิดดูใหม่นะ

แล้วก็ลองคิดดูนะครับ ว่าความรู้สึกผิดโดยไม่มีทางออกจะส่งผลเสียขนาดไหน เลือกครอบครัวกลับบ้านเร็วก็ทำให้เสียงาน เลือกงานก็ทำให้คนที่บ้านน้อยใจ

หลังจากเจอเหตุการณ์อย่างนี้หลายๆ ครั้ง (จนบางครั้งผมทั้งโมโหทั้งเสียใจ นั่งลงจ้วงข้าวเย็นที่เย็นชืดและมีมดขึ้นจนหมด) ผมเลยตัดสินใจที่จะไม่กลับบ้าน มันไม่ใช่ทางเลือกที่ผมอยากทำเท่าไหร่หรอก แต่ในเมื่อการพูดคุยอธิบายมันไม่ได้ผลแล้ว ก็ปล่อยให้แม่กระวนกระวายใจเล่นซักวันสองวัน และรับรู้ไว้ว่าแม้จะรอไปอย่างนี้ ผมก็ไม่กลับบ้านให้คุณเห็นหน้าเร็วขึ้นหรอกนะ

ก็เลือกเอาละกันครับ ว่าคุณจะเป็นพ่อแม่แบบไหนให้ลูกจดจำ? จะเป็นพ่อแม่ที่ทำให้ลูกรู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลา เพราะว่าปันเวลาไปดูแลท่านได้ไม่ดีพอ หรือจะเป็นพ่อแม่ที่ลูกอาจไม่ได้คิดถึงตลอดเวลา แต่พอพูดถึงทีไรก็อมยิ้มและพูดด้วยความภาคภูมิใจว่า นี่แหละพ่อแม่ของฉัน

1 comment:

  1. อันนี้ผมคิดว่าโฆษณาเป็นตัวปลูกฝังค่านิยมผิดๆ เรื่องแม่ลูกนะ

    แม่เห็นโฆษณาแล้วคิดเองว่า
    "เฮ้ย ทำแบบนี้ลูกมันจะได้รู้ว่าเรารัก" (ซึ่งสอดคล้องไปกับที่พี่เขียน แต่แม่บางคนก็ไม่คิดลึกขนาดนั้น)

    พอแม่ทำตามโฆษณา (หรือแม้จะทำก่อนหน้าก็ตาม) ลูกที่ดูโฆษณาก็จะคิดคล้อยไปว่า
    "เฮ้ย แม่ทำให้ัตัวเราเยอะแล้ว แล้วเราทำอะไรให้แม่ยัง"

    ตักไปที่โฆษณา ฉากจบสวยงาม ลูกบวชให้แม่เอย ลูกไปเที่ยวกับแม่เอย มันคือการกระตุ้นให้ซื้อของโดยเอาความรู้สึกมาเป็นตัวชักจูงเท่านั้นเองฮะ

    ReplyDelete