วันนี้ตื่นเช้ามากๆ
ตื่นกี่โมงไม่รู้ แต่รู้ตัวตอนดูนาฬิกา...
"5:01"
นับเป็นสถิติตื่นเร็ว 5 อันดับแรกในชีวิตเลย อิอิ
ส่วนที่ว่าตื่นกี่โมงนั้น ไม่รู้จริงๆ
ถ้าเป็นคนทั่วไป ก็คือตื่นเวลานี้แหละ ไม่งั้นก็ลบทิ้งไม่กี่นาที
วันนี้ตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียง (และโดนสาด) ด้วยน้ำฝน
(สงสัยปีนี้ไม่ได้เล่นสงกรานต์มั้ง ฟ้าเลยอยากเล่นน้ำด้วย)
คนปรกติก็คงจะตื่นมาแค่ปิดหน้าต่างแล้วไปนอนต่อ
หรือไม่งั้นก็หลับไม่รู้รื่องต่อไป... 555+
แต่วันนี้เป็นไรไม่รู้ ตื่นมาเห็นว่า เอ่อ... พายุมันสวยดีนะ
นั่งมองความงามของพายุไปนานเหมือนกัน
นั่งมองมันทั้งๆ ที่โดนฝนสาดอยู่!
อะไรทำให้เรากลายเป็นคนอย่างนี้ไปได้นะ...
ไม่ใช่แค่ฝนนะ ยังมีทั้งฟ้าร้อง ฟ้าแล๊บ ฟ้าผ่าอีก
เสียงฟ้าร้องนี่ก็ใช่ย่อย ถ้ามีสาวขวัญอ่อนอยู่ข้างๆ
มีหวัง... กระโดดเกาะไม่ปล่อยแน่ๆ ^^"
ส่วนฟ้าแล๊บ ฟ้าผ่านั้นก็สว่างพอๆ กับกลางวันเลยทีเดียว
อะไรทำให้เราเห็นว่าพายุครั้งนี้สวยงามไปได้นะ
บางครั้ง มองเห็นความงามในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น
แต่บางครั้ง กลับมองไม่เห็นความงามในสิ่งที่คนอื่นมองเห็น
ดูมันไปซักระยะ เริ่มทนไม่ไหวกับความเปียกที่ฟ้ามอบให้
ยอมจำนนปิดหน้าต่าง รับความรู้สึกจากฝั่งที่มีกระจกกั้น
มันช่างต่างกันมากมายจริงๆ
รู้แล้วว่า การได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
กับการได้แค่ดูธรรมชาตินั้น มันเหมือนอยู่กันคนละโลก
หลังจากดูจากฝั่งนี้นานพอควร ก็คว้านาฬิกามาดู (ตีห้า)
จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราไม่รู้เวลาตื่นที่แน่ชัด - -"
บางที เราอาจจะนั่งชมมันเป็นชั่วโมงแล้วก็ได้
หรืออาจจะชมมันไปได้แค่นาทีเดียวก็ได้
ใครจะรู้หละ... ช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านไปไวเสมอ
ไม่น่าเชื่อเลยว่า ธรรมชาติงดงามถึงเพียงนี้
งดงามจนเราดูเฉยๆ อย่างเดียวไม่ได้
ต้องลงไปหิ้วโน้ตบุ๊กขึ้นมาเขียนไดอารีนี้
ความทรงจำดีๆ เราก็ควรจะเก็บมันไว้ มิใช่หรือ?
ก่อนจะทันเขียนไดอารีนี้จบ พายุก็สงบลงแล้ว (ตีห้าสี่สิบ)
พอพายุสงบ ก็มีเสียงนกร้องด้วยหละ... เพราะมากๆ เลย
เขียนเสร็จ ย้อนกลับไปตรวจทาน และเพิ่มเติมรายละเอียด
เสร็จสมบูรณ์ตอน 6:02 ฟ้ากำลังสว่าง พระอาทิตย์กำลังขึ้น
เสียงนกร้องจางหายไป... เสียงไก่ขันดังขึ้นมาแทนที่
สุดท้ายนี้สิ่งที่คิดไม่ตกคือ การที่เราเขียนเรื่องอย่างนี้ได้
เพราะว่าเราดูโลกมามากพอแล้ว
หรือว่ายังไม่เคยดูโลกจนมากพอกันแน่?
No comments:
Post a Comment