Sep 3, 2012

แก้โจทย์ป้ายสมัครงาน Google แบบบรรทัดเดียว

นอนไม่หลับ บวกกับช่วงนี้แก้โจทย์เล่นเยอะไปหน่อย เหมือนสมองไม่อยากหยุดแก้โจทย์ 555

แล้วก็นึกได้ว่า ไอ้โจทย์ป้ายสมัครงานของ Google อันนี้ ยังไม่เคยแก้เล่นเองเลยนี่หว่า


แต่ถ้าจะให้แก้ตามปรกติธรรมดา ก็ดูจะไม่ท้าทายซักเท่าไหร่ไปแล้ว (เพราะเล่นไปอ่านเฉลยมาเรียบร้อย) แบบนี้เลยต้องเพิ่ม standard ให้กับตัวเองด้วยการเขียนเป็น one-liner โดยไม่พึ่งพา stdlib ซะเลย

ตัวโจทย์คงไม่ต้องแปลแล้ว? (ถ้าตีโจทย์ไม่ออกจริงๆ แนะนำบล็อก @khajochi เลย) เอาเป็นว่าเริ่มกันเลยดีกว่านะ



โดย algorithm ที่จะใช้คำนวณหาค่า e คือ
e = 1 + 1/1! + 1/2! + 1/3! + 1/4! + ...
ต้องใช้ algorithm นี้เพราะว่ามันให้ค่าทศนิยมได้แม่นยำรวดเร็วพอสมควร และยัง implement ตามไม่ยากเท่าไหร่ ในที่นี้ใช้ถึงแค่พจน์ 1/200! ก็ให้ค่าออกมาแม่นยำเกือบ 400 ตำแหน่งแล้ว

มาเริ่มที่ส่วนที่เล็กที่สุด ฟังก์ชั่น factorial ที่ดูเผินๆ ก็ไม่มีอะไรประหลาด แต่ถ้าจะเขียนแบบ one-liner ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเขียนเป็น recursion และต้องไม่จองชื่อ function ไว้ก่อนด้วย ซึ่งก็ทำได้โดยใช้ combinator แบบนี้
factorial = lambda n: (lambda f, x: f(f, x))(lambda r, y: y*r(r, y-1) if y > 1 else 1, n)
(รายละเอียดอ่านได้จากตอนก่อนๆ)

ต่อมาคือการจับแต่ละพจน์มาบวกกัน ซึ่งจะ implement ตรงๆ แบบนี้ไม่ได้
sum(1/factorial(i) for i in range(200))
เพราะ float มันเก็บ precision ของทศนิยมได้เล็กนิดเดียว ดังนั้นเราต้องดัดแปลงสมการต้นแบบให้กลายเป็น
e = (1 + 1/1! + 1/2! + 1/3! + 1/4! + ...)(1!2!3!4!.../1!2!3!4!...)
เทคนิคหนึ่งที่ใช้ได้เสมอๆ เมื่อต้องการทศนิยม n ตำแหน่ง คือคูณด้วย 10 ยกกำลัง n เข้าไปนั่นเอง ดังนั้น
e*10**n = 10**n * (1 + 1/1! + 1/2! + 1/3! + 1/4! + ...)(1!2!3!4!.../1!2!3!4!...)
        = 10**n * (1 + 2!3!4!... + 1!3!4!... + 1!2!4!... + 1!2!3!... + ...)/1!2!3!4!...
จะเห็นว่าถ้าเรียงลำดับ operator ดีๆ เราจะไม่สูญเสีย precision เลย

ได้แนวคิดแล้วก็เริ่ม implement กัน เริ่มโดยหา factorial ของพจน์ต่างๆ ตามปรกติ
fact_each = [factorial(i) for i in range(200)]
ทีนี้เพื่อป้องกันการคำนวณซ้ำหลายรอบ ก็เอา lambda มาห่อหุ้มมันซะ ซึ่งสิ่งที่เราต้องการต่อจากนี้คือผลคูณรวมของค่าทั้งหมด (1!2!3!4!...) โดยเรายังคงต้องใช้ list เดิมนี้อยู่ ดังนั้น
prod_and_fact_each = (lambda l: [reduce(lambda x, y: x*y, l), l])(fact_each)
ถึงตอนนี้ก็ได้เวลาเอาผลคูณรวมของ factorial ทุกตัว มาหารแต่ละตัวใน list นั้นแล้ว (เรายังต้องใช้ผลคูณรวมอีกรอบ ดังนั้นส่งต่อมันด้วย)
prod_and_div_each = (lambda a, l: [a, [a / i for i in l]])(*prod_and_fact_each)
สุดท้ายก็จับทุกตัวมาบวกกัน คูณด้วย 10 ยกกำลัง n แล้วค่อยหารด้วยค่ารวมนั้น
e = str((lambda a, l: 10**400 * sum(l) / a)(*prod_and_div_each))
เท่านี้ก็ได้เลข e ที่มีทศนิยมตามต้องการแล้วนะ <3



สำหรับส่วนที่สองจะมาดูที่จำนวนเฉพาะ เนื่องจากเลข 10 หลักค่าที่ใหญ่ที่สุดคือ n = 9999999999 การที่จะบอกว่ามันเป็นจำนวนเฉพาะหรือไม่ ก็ทดสอบด้วยการเอาไปหารจำนวนเฉพาะทุกตัวที่น้อยกว่ามันไปจนถึง sqrt(n) ซึ่งหมายความว่าเราตรวจถึงแค่จำนวนเฉพาะที่น้อยกว่า sqrt(9999999999) = 99999 ก็พอแล้ว

เริ่มด้วยฟังก์ชั่นเพิ่มจำนวนเฉพาะเข้าไป
add_prime = lambda p, t: p + [t] if all(t % q for q in p) else p
ฟังก์ชั่นนี้จะรับตัวแปร 2 ตัวคือ list ของจำนวนเฉพาะก่อนหน้า และเลขที่จะตรวจว่าเป็นจำนวนเฉพาะหรือเปล่า ส่วนค่าที่คืนมานั้น ถ้าเป็นจำนวนเฉพาะจะคืน list ที่เพิ่มจำนวนที่ตรวจเข้าไปด้วย ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือใส่ list ว่างๆ เข้าไปก่อน แล้วส่งเลขที่น้อยที่สุดคือ 2 เข้าไปตรวจ หลังจากได้ list ที่มีเลข 2 ก็ส่งเลข 3,4,5,6,...,99999 เข้าไปตรวจทีละตัว โดย list ที่เป็นผลลัพท์แต่ละครั้งที่ได้มาก็จะเก็บไว้ใช้ต่อไปเรื่อยๆ นี่ก็คือแนวคิดของ reduce นั่นเอง ซึ่งก็จะเขียนได้ว่า
p = reduce(add_prime, [[], 2] + range(3, 100000, 2))
ถึงตอนนี้ก็มีจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ต้องการสำหรับงานนี้แล้ว :3



สุดท้าย ได้เวลาจับทุกอย่างมารวมกัน เริ่มจากการพยายาม loop ไปยังเลข 10 ตัวในทศนิยมของ e ก่อน ซึ่งก็คือ
[e[i:10+i] for e in [e] for i in range(len(e)-9)]
แต่เนื่องจากเราต้องการ filter ตัวที่ไม่ใช่จำนวนเฉพาะออกไป ซึ่งคราวนี้เราจะเปลี่ยนมาทดสอบด้วยฟังก์ชั่น
test_prime = lambda p, e: all(int(e) % q for q in p)
ดังนั้นก็จะได้
[e[i:10+i] for e, p in [[e, p]] for i in range(len(e)-9) if test_prime(p, e[i:10+i])]
แน่นอนว่างานนี้เราต้องการแค่จำนวนเฉพาะตัวแรกที่เจอ ดังนั้นสามารถเปลี่ยนไปเขียน
next(e[i:10+i] for e, p in [[e, p]] for i in range(len(e)-9) if test_prime(p, e[i:10+i]))
ก็จะได้คำตอบแล้วหละ \(^0^)/



สำหรับ code ฉบับเต็มๆ ที่เป็น one-liner (แต่ขึ้นบรรทัดใหม่เพื่อให้อ่านสะดวก) คือ
next(e[i:10+i] for e, p in [[
        str((lambda a, l: 10**400 * sum(l) / a)(*
            (lambda a, l: [a, [a / i for i in l]])(*
                (lambda l: [reduce(lambda x, y: x*y, l), l])(
                    [(lambda f, x: f(f, x))(
                           lambda r, y: y * r(r, y-1) if y > 1 else 1, i)
                        for i in range(200)])))),
        reduce(
            lambda ps, t: ps + [t] if all(t % p for p in ps) else ps,
            [[], 2] + range(3, 100000, 2))]]
    for i in range(len(e)-9)
        if all(int(e[i:10+i]) % q for q in p))
happy coding นะครับ ^^

3 comments:

  1. แก้โจทย์เล่น -_-'

    ReplyDelete
    Replies
    1. ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด :3 #ว่างงานนั่นเอง

      Delete
    2. ????? + ???? ฮ่าๆๆ พี่งงเลยละ

      Delete